8 เรื่องเบื้องลึกกับ The Joker Origin Movie
แม้ในจักรวาลคอมิกส์ DC กับ Marvel ดูจะทัดเทียมกันอยู่ในเรื่องความยิ่งใหญ่ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ แต่เมื่อทั้ง 2 ค่ายก้าวเข้าสู่เวทีฮอลลีวู้ด ก็เห็นได้ชัดว่า ดีซี จะตาม มาร์เวล อยู่หลายก้าว , หนังมาร์เวล 52 เรื่อง ทำเงินไป 11,956 ล้านเหรียญ (นับรวมทุกค่ายที่ใช้ตัวละครมาร์เวล) ส่วนของดีซีมีหนังทั้งหมด 30 เรื่อง ทำเงินรวมไปเพียง 4,784 ล้านเหรียญ ทางดีซีเองก็พยายามปรับเปลี่ยนกลยุทธอยู่หลายครั้ง สับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารเป็นว่าเล่น แต่เหมือนโชคชะตาก็ยังไม่เข้าข้าง ยิ่งพยายามก็ยิ่งฟุบ อย่างที่เห็นกับหนังรวมดาว 2 เรื่อง ทั้งรวมดาวร้ายใน Suicide Squad และรวมซูเปอร์ฮีโร่ Justice League ที่เป็นความหวังครั้งใหญ่ต่างก็ทำรายได้ไม่น่าพอใจ ซ้ำร้ายยังโดนนักวิจารณ์สับเละเทะ มีเพียง Wonder Woman เรื่องเดียวที่เป็นผลงานเชิดหน้าชูตาในปีที่ผ่านมา แล้วอีกหนึ่งความหวังอย่าง Batman ที่รีบู๊ตแล้ว ก็จะรีบู๊ตอีก แต่รอบนี้ดูจะมีปัญหามากมายทั้งนักแสดงและผู้กำกับก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้ถือกำเนิดเมื่อไหร่
ทางดีซีและวอร์เนอร์ก็เลยหันมาดัน โจ๊คเกอร์ ตัวร้ายตลอดกาลของแบตแมนที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีอยู่แล้ว เข็นออกมาเป็นหนังเดี่ยวเสียเลย และการได้ตัว ฮัวควิน ฟินิกซ์ มารับบทเป็นโจ๊คเกอร์ ก็ดูจะได้รับเสียงตอบรับฮือฮาอยู่ไม่น้อย ทำให้โปรเจ็กต์ The Joker Origin Movie กลายเป็นหนังใหม่ของทางดีซีที่ได้รับความสนใจจากแฟนๆ ถึงตรงนี้เราได้ข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมาแล้วบ้าง มาดูกัน
1. ฮัวควิน ฟีนิกซ์ ตอบรับบทโจ๊คเกอร์แล้ว อย่างเป็นทางการ
เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ทุกเสียงตอบรับด้วยความชื่นชมไม่แพ้ฮีธ เล็ดเจอร์ และ แจเร็ด เลโต 2 โจ๊คเกอร์ก่อนหน้านี้ เพราะศักดิ์ศรีทางการแสดงของฮัวควิน ก็น่าชื่นชม เขาเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 3 ครั้ง และเป็นดาราที่เบนเข็มการแสดงมาเล่นหนังอินดี้อย่างจริงจังมากกว่า 10 ปีแล้ว หนังสตูดิโอใหญ่เรื่องสุดท้ายคือ The Village ปี 2004 นู่น แม้ว่าทางค่ายมาร์เวลเองก็เคยทาบทามฮัวควินให้มารับบท ดอกเตอร์ เสตรงจ์ แต่เขาก็บอกปัดไป แต่เหตุผลที่ฮัวควินเลือกตอบรับบทโจ๊คเกอร์ให้กับดีซีก็เพราะ The Joker Origin Movie ไม่ใช่หนังทุนสูง เป็นหนังภาคแยก และที่สำคัญตัวตนของโจ๊คเกอร์มีบุคลิกน่าสนใจ ด้วยการเป็นบุคคลที่มีความพิลึกพิลั่นในตัว มีความซับซ้อนทั้งในความคิดและจิตใจ เป็นตัวละครที่ท้าทายและน่าสนใจสำหรับฮัวควิน ก็น่าติดตามว่าเขาจะตีความตัวตนของโจ๊คเกอร์ออกมาให้แตกต่างจาก ฮีธ และ แจเร็ด ที่ต่างทำไว้ดีมากทั้งคู่ได้อย่างไร
2. ท็อดด์ ฟิลลิปส์ กำกับและเขียนบทร่วมกับ สก็อตต์ ซิลเวอร์
การที่วอร์เนอร์เลือก ท็อดด์ ฟิลลิปส์ กลายเป็นชื่อที่ได้รับเสียงโต้แย้งจากแฟนๆ พอสมควร เพราะเครดิตของท็อดด์นั้นมาทางสายฮาล้วนๆ เขาคือผู้กำกับของ The Hangover ไตรภาค แม้หนังจะประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ด้วยการที่ถนัดทำหนังคอมมีดี้ แฟนๆ จึงมองว่าไม่เหมาะที่จะมากุมบังเหียนเรื่องราวของตัวร้ายที่ลึกลับดำมืดอย่างโจ๊คเกอร์ แต่วอร์เนอร์กลับมองแตกต่างว่า ท็อดด์แม้จะดูไม่ใช่ผู้กำกับที่เหมาะสมกับหนังโจ๊คเกอร์ แต่การได้ตัวผู้กำกับที่แปลกใหม่อย่างนี้ น่าจะสร้างแนวทางใหม่ให้กับหนังซึ่งวอร์เนอร์และดีซีต้องการอย่างมากในเวลานี้ และสก็อตต์ ซิลเวอร์ ผู้มารับหน้าที่เขียนบทร่วมก็เป็นอีกชื่อที่น่าสนใจเพราะดูผลงานในเครดิตที่มี The Finest Hours , The Fighter ,8 Mile ก็ดูเป็นผลงานที่น่าเชื่อถือพอควร
3. The Joker Origin Movie ไม่อยู่ในจักรวาลดีซี
อย่าเพิ่งงงนะ เพราะคำว่าจักรวาลดีซีคือหนัง SuperMan , Batman , Aquaman , The Flash , Suicide Squad และ Justice League และในจักรวาลนี้มีโจ๊คเกอร์ ที่ได้แจเร็ด เลโต มารับบทอยู่แล้ว นั่นจึงเป็นการตอบข้อสงสัยว่าทำไมเอาฮัวควิน ฟีนิกซ์ มาเป็นโจ๊คเกอร์ อีกคน , เพราะ The Joker Origin Movie จะเล่าที่ไปที่มาของโจ๊คเกอร์อย่างละเอียด จะไม่ไปเกี่ยวโยงกับเรื่องราวใดๆ ทั้งก่อนหน้าและอนาคตของทุกเรื่องในจักรวาลดีซี แฟนๆ ก็ยังตั้งข้อสงสัยอีกว่า แล้วถ้า The Joker Origin Movie เกิดฮิตขึ้นมาล่ะ แล้วถ้ามีภาคต่อ ทั้งตัวละครและเรื่องราวจะถูกนำไปแทนที่โจ๊คเกอร์ในจักรวาลขยายของดีซีไหม ยังไม่มีคำตอบนะครับ เพราะนี่คือกลยุทธใหม่ของดีซีที่เพิ่งจะลองกันดูสักตั้ง ถ้าเวิร์คแล้วค่อยว่ากัน
4. เล่าประวัติความเป็นมาของโจ๊คเกอร์
ถึงตรงนี้เนื้อหาของ The Joker Origin Movie ยังไม่ถูกเปิดเผยแต่อย่างใด เรารู้เพียงว่าเนื้อหาจะเล่าประวัติความเป็นมาของโจ๊คเกอร์อย่างลงลึก น่าจะอิงเรื่องราวมากจากการ์ตูน Batman :The Killing Joke (1988) ที่เล่าว่าอดีตของโจ๊คเกอร์คือนักแสดงตลกที่ล้มเหลวในอาชีพที่เขาใฝ่ฝัน ก็เลยเบนเข็มเข้าสู่ด้านมืดและไต่เต้าขึ้นมาเป็น"เจ้าชายแห่งโลกอาชญากรรม"
เนื้อหาของหนังจะเปิดเผยอดีตที่เคยดำมืดของโจ๊คเกอร์ ก็นับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจ แล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องราวที่เหมาะกับฮัวควิน ฟินิกซ์กับการมาถ่ายทอดตัวตนของโจ๊คเกอร์ จากคนธรรมดาแปรสภาพตัวเองกลายเป็นวายร้ายอันดับต้นๆ ของจักรวาลดีซี หนังย้อนเล่าความเป็นมาของโจ๊คเกอร์แบบนี้ เชื่อว่ากว่าที่เราจะได้เห็นฮัวควินในภาพลักษณ์ของโจ๊คเกอร์จริงๆ ก็น่าจะเป็นช่วงท้ายของหนังเลย
5. จะมีบท โธมัส เวย์น ด้วย
แม้ว่าผู้สร้างจะประกาศว่า The Joker Origin Movie จะไม่อยู่ในจักรวาลขยายของดีซี แต่ก็มีการเปิดเผยออกมาอีกเช่นกันว่าในเรื่องนี้จะมีบทของ โธมัส เวย์น พ่อของ บรู๊ซ เวย์น มาปรากฏตัวอยู่ด้วย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า โธมัส เวย์น จะโผล่มาเซอร์ไพรส์หรือว่าเป็นตัวละครหลัก แต่การมีบทโธมัส เวย์น เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ก็สร้างข้อเคลือบแคลงแล้วว่าเราอาจจะไม่เพียงได้เห็นจุดกำเนิดของโจ๊คเกอร์ แต่อาจจะได้เห็นจุดกำเนิดของแบตแมนด้วย เราอาจจะได้เห็นฉากการตายของโธมัส เวย์นอีกครั้งที่เกิดจากน้ำมือของโจ๊คเกอร์ หรืออาจจะมีเพียงแค่เสียงบรรยายถึงเหตุการณ์นั้น
6. อาจจะมี โรเบิร์ต เดอนีโร ในบทสมทบ
แม้ว่าตอนนี้มีการประกาศชื่อฮัวควิน ฟินิกซ์ แค่รายเดียวในรายชื่อนักแสดง แต่ก็มีข่าวว่าทางผู้สร้างกำลังทาบทามโรเบิร์ต เดอนีโร ด้วยเช่นกัน โรเบิร์ต อาจจะมาในบทเจ้าพ่อมาเฟีย ผู้เป็นคนลากโจ๊คเกอร์ให้เข้าสู่โลกอาชญากรตามเนื้อหาในฉบับการ์ตูน แม้จะยังไม่มีการประกาศเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะวันนี้แม้ชื่อเสียงโรเบิร์ต เดอนีโร จะเป็นดาราอมตะคนหนึ่งของวงการ แต่งานแสดงก็น้อยลงเต็มที กับบทบาทสำคัญแบบนี้เขาก็น่าจะสนใจอยู่ไม่น้อย แล้วยังมีข่าวว่าทางวอร์เนอร์ก็ทาบทาม มาร์ติน สกอร์เซเซี ให้มารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างของหนังด้วย ถ้ามาร์ตินตอบรับ ก็ยิ่งเป็นไปได้สูงว่าโรเบิร์ต จะตอบรับบท ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้กำกับและนักแสดงคู่นี้เขาซี้ปึ้กกันขนาดไหน
7. ทุนสร้าง 55 ล้านและได้เรต R
แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังซูเปอร์ฮีโร่ของดีซีคอมิกส์ แต่ The Joker Origin Movie เลือกจะมาในทิศทางที่แตกต่าง 2 อย่าง , อย่างแรกคือหนังจะใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 55 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งต่างจากทุกเรื่องก่อนหน้าของดีซี ที่เป็นหนังทุนสูงประมาณ 100 - 300 ล้านเหรียญต่อเรื่อง เหตุที่ The Joker Origin Movie ใช้ทุนสร้างเพียงเท่านี้ก็เพราะว่าโทนของหนัง เน้นออกไปทางดราม่า มากกว่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นหนักภาพซีจี และอย่างที่สองก็คือ หนังจะออกมาในเรต R ซึ่งข้อนี้ทางวอร์เนอร์และดีซีจะต้องเตรียมใจไว้ว่าหนังอาจจะไม่ได้ขึ้นตำแหน่งสูง ๆ บนตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศ (แต่ก็ไม่แน่นะเพราะ Logan และ Deadpool ก็เป็นหนังเรต R ที่ทำเงินมาแล้ว) แต่ในขณะเดียวกัน สตูดิโอก็เบาใจกับทุนเพียงเท่านี้ เพราะถือว่าเสี่ยงน้อย ไม่เจ็บตัวมากหากหนังไม่ประสบความสำเร็จ
8. เปิดกล้องเดือนกันยายนนี้ พร้อมฉายปี 2019
ในขณะที่รายชื่อหนังในจักรวาลขยายดีซีที่รอคิวสร้างอยู่เป็นกะตั้ก แต่ The Joker Origin Movie กลายเป็นโปรเจ็กต์ที่มาแรงและมาเร็ว แซงหน้าทุกเรื่องมาได้คิวสร้างก่อน และเป็นความแปลกใหม่ในแวดวงฮอลลีวู้ดด้วย ในฐานะหนังที่สร้างก่อนแล้วค่อยวางกำหนดฉายทีหลัง ในขณะที่หนังฮอลลีวู้ดส่วนใหญ่มักจะล็อควันฉายก่อนได้ตัวแสดง และผุ้กำกับเสียด้วยซ้ำ
ก็ถือว่าเป็นลางดีสำหรับ The Joker Origin Movie ที่ทางดีซีให้ความสำคัญกับขั้นตอนการผลิตที่ไม่ต้องเร่งรัดให้ทันกำหนดฉาย ที่วางไว้เพียงคร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นปลายปี 2019 ซึ่งจะออกตามหลัง Shazam! และ Wonder Woman 84 และไม่แน่นะ การที่หนัง The Joker Origin Movie ได้ออกฉายในช่วงปลายปี ฤดูกาลของหนังล่ารางวัล เราอาจจะได้เห็นชื่อ The Joker Origin Movie เข้าชิงออสการ์บ้างก็ได้