เฮนรี่ คาวิลล์ เล่าเบื้องหลังงานแสดงฉากสตันท์ใน Mission Impossible : Fallout
หลายคนน่าจะได้ชม Mission Impossible : Fallout ภาคที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าสนุกที่สุดในแฟรนไชส์แล้ว เพราะอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นมากันต่อเนื่องไม่ให้ได้พัก อย่างที่เรารู้กันว่า ทอม ครูซ พระเอกของเรื่องวัย 55 ปี เล่นบทสตันท์เองในทุกฉาก และในภาคนี้ก็ยังมี เฮนรี่ คาวิลล์ พระเอกหนุ่มผู้เป็นที่รู้จักจากบท Superman มารับบท ออกัสต์ วอล์คเกอร์ มือสังหารจาก CIA ที่รับมอบหมายให้มาตามประกบอีธาน ฮันท์ในภารกิจสำคัญ ทำให้เฮนรี่ คาวิลล์ ต้องได้ร่วมงานใกล้ชิดกับทอม ครูซ และแน่นอนในบางฉากเขาก็ต้องเล่นบทสตันท์เองเช่นกัน
และฉากที่ระทึกที่สุดก็คือฉากเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่า ในเรื่องราวคือ อีธาน ฮันท์ ขับเฮลิคอปเตอร์ไล่ตาม ออกัสต์ วอล์คเกอร์ไปใกล้ เมื่อออกัสต์ รู้ตัวว่าถูกตามก็เลยใช้ปืนกลไล่ยิงเฮลิคอปเตอร์ของอีธาน ฮันท์ โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาสวยงามที่ไปถ่ายทำกันในนิว ซีแลนด์ แต่ในท้องเรื่องสมมติให้เป็นแคชเมียร์ ในอินเดีย เพื่อให้ภาพออกมาสมจริง ทอม ครูซ ถึงกับต้องไปเรียนขับเฮลิคอปเตอร์นานหลายเดือนเพื่อที่จะขับฮอเองในฉากนี้
เฮนรี่ คาวิลล์ ในบทออกัสต์ ที่ขึ้นไปนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์จริงๆ ในฉากนี้เล่าความรู้สึกว่า "มันแทบไม่มีโอกาสให้ผิดพลาดได้เลย เราบินกันอยู่เหนือหุบเขา ฮอ 2 ลำบินใกล้กันมาก ผมว่าใบพัดห่างกันไม่ถึง 6 ฟุตด้วยซ้ำ ใกล้ขนาดที่ว่าผมมองเห็นลูกตาทอมได้ชัดเจนเลย แต่ผมไม่ได้ยินทอมสั่งการอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะให้ไปทางไหน ผมต้องพยายามอ่านสีหน้าท่าทางว่าเขาอยากให้ผมทำอะไร"
ฮอทั้ง 2 ลำบินในระยะเฉียดพื้นมาก เฮนรี่บอกว่าใบพัดห่างจากหน้าผาประมาณ 4 ฟุตเท่านั้น "ตอนนั้นนะถ้ามีลมกรรโชกมานิดเดียว หรือคนขับหักเครื่องไปใกล้หน้าผาอีกนิดเดียวนะ ได้ตายกันยกลำ แต่ผมจะต้องควบคุมสติไม่ให้กลัว ผมจะต้องทำมันให้ผ่านไปได้ ผมต้องแสดงไปด้วย แล้วก็อ่านใจทอมไปด้วย แต่ผมไม่ได้ยินอะไรจากเขาเลย ผมแทบไม่มีเวลาให้ฉุกคิดเลยว่าขณะนั้นผมตกอยู่ใกล้ความตายเพียงไหน ในสมองคิดแค่เพียงว่า คนดูจะต้องชอบฉากนี้"
แม้ว่าฉากเฮลิคอปเตอร์จะพาให้เฮนรี่ คาวิลล์ใจระทึกเพียงใด แต่ก็ยังมีฉากสตันท์เสี่ยงตายที่เฮนรี่ อยากเล่นเองเช่นกันเพื่อความสมจริง นั่นก็คือฉาก HALO ฉากกระโดดร่มจากระยะสูงมาก แล้วกระตุกร่มในระยะต่ำมาก ซึ่งกว่าที่ทอม จะเล่นฉากสตันท์นี้ด้วยตัวเองได้ เขาต้องฝึกกระโดดร่มมาแล้วกว่า 100 ครั้ง แต่กระนั้นเฮนรี่ ก็ยังมีความต้องการที่จะกระโดดร่มเองจริงๆ "เมื่อผมไม่ได้อนุญาตให้เล่นฉากนี้เอง เหตุเพราะผมไม่มีทักษะ นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีสตันท์แมนมาเล่นแทนผม แล้วก็มีโอกาสที่เขาจะตายได้เพราะความไม่พร้อมของผม"เฮนรี่ อธิบายเหตุผลที่เขาอยากเล่นฉากนี้เอง
แม้ทีมงานจะห้ามเขา แต่เฮนรี่ก็ยังดื้อดึงเหมือนเด็กๆ เขาเลยเข้าไปขอร้องกับทอม ครูซเอง "ผมไปขอทอม ให้ผมเล่นเองเถอะ เอาผมเข้าทีมไปด้วย ผมคิดว่าผมโดดได้นะ" แต่ทอมก็ยังยืนกรานปฎิเสธ "ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ แล้วผมก็ซาบซึ้งกับความพยายามของคุณ แต่คุณเล่นฉากนี้ไม่ได้ กว่าผมจะเล่นฉากนี้ได้ ผมต้องหัดกระโดดร่มมาเป็นร้อยชั่วโมง ผมรู้ว่าคุณฝึกโดดกับอุโมงค์ลมมาแล้ว ถึงแม้คุณจะทำได้ดีแต่เมื่อมาโดดจริงคุณอาจทำพวกเราตายกันหมด เพราะว่าในฉากนี้ 2 คนที่แสดงจะต้องมีทักษะพอๆ กัน แล้วถ้ามีคนใดคนหนึ่งพลาดนั่นแย่ล่ะ เรื่องเลวร้ายก็จะเกิดขึ้น"
และฉากสุดท้ายที่จะพูดถึงก็คือ "ฉากต่อสู้ในห้องน้ำ" ในฉากนี้มี อีธาน ฮันท์ กับ ออกัสต์ วอล์คเกอร์ และคู่ต่อสู้ก็คือ จอห์น คลาร์ค ที่รับบทโดย หยาง เหลียง เป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเกินคาด ถึงขั้นรับมือกับอีธาน และ ออกัสต์ ได้ 2 คนพร้อมกัน เฮนรี่ คาวิลล์เล่าว่า "ฉากนี้เป็นฉากใหญ่ และเตรียมการกันนานมาก มีจุดยากที่สุดคือตอนที่ผมทุ่มเหลียงทะลุกระจกเงาไป ฉากนี้ถ้าผมทำพลาดนั่นหมายถึงทีมจะต้องเริ่มต้นจัดฉากกันใหม่ ต้องใช้เวลา 40 นาที ถึง 2 ชั่วโมงเลย ทำให้ฉากนี้ผมรู้สึกกดดันในขณะแสดงพอดู แต่มันก็ผ่านไปด้วยดี ทั้งนี้ต้องขอบคุณการออกแบบท่าทางการต่อสู้โดย วูล์ฟีย์ เดวิด และทีมของอีสต์วู้ด"
และฉากนี้ยังทำให้เกิดมีม (meme) ที่แชร์กันแพร่หลาย เป็นมีมที่ตัดมาจากตัวอย่างหนัง ช็อตที่ ออกัสต์ วอล์คเกอร์ สะบัดแชนสองข้างก่อนตั้งการ์ดเข้าใส่คู่ต่อสู้ และมีชื่อของท่านี้ว่า "arm reload" เฮนรี่ เล่าที่มาของฉากนี้ว่า "มันเป็นบางสิ่งที่ออกมาจากตัวผมในขณะนั้น ผมเป็นออกัสต์ วอล์คเกอร์ ชายแกร่งที่รับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ และเมื่อเขาตกอยู่ในสถานะเป็นรอง สิ่งที่เขาคิดคือฉันจะต้องล้มแกให้ได้" แล้วฉากนี้ก็จัดว่าเป็นฉากแอ็คชั่นที่มันส์ที่สุดในภาคนี้ ทุกเสียงที่ได้ชมต่างยกย่องว่านี่คือฉากต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่รุนแรงและสมจริงสุด ใครยังไม่ได้ชม ไม่ควรพลาดนะครับ
ตัวอย่างภาพยนตร์