ฟังกันชัดๆ เหตุผลว่าทำไมเลือกเรื่อง มโนราห์ มาทำเป็นภาพยนตร์

Movie News29 ตุลาคม 2561

        โนราห์ เป็นภาพยนตร์รักเรื่องล่าสุด ผลงานการกำกับภาพยนตร์โดย "เอกชัย ศรีวิชัย" เล่าถึงเรื่องราวของ นอร์ร่า (เจด-แองเจลิน่า ฟอร์เมนโต้) สาวลูกครึ่งน่ารัก ทันสมัย เดินทางตามพ่อแม่มาทำธุรกิจที่จังหวัดพัทลุง แต่ระหว่างที่เธอสัมผัสกับความสวยงามตามธรรมชาติอยู่นั้น เธอได้เจอกับเรื่องราวประหลาด ทำให้ข้ามมิติกาลเวลาไปยังอดีต และได้พบกับ สิงหร (ไพศาล ขุนหนู) ชายหนุ่มรูปงาม พร้อมเรื่องราวสุดอัศจรรย์ของตำนาน โนราห์ ที่ทำให้คน 2 ภพ มาบรรจบพบกัน ผ่านการผจญภัย เหตุการณ์ต่างๆ จนเกิดเป็นความผูกพันและกลายเป็น ความรัก ที่เป็นตำนาน



ผู้กำกับ เผยเหตุผลว่าทำไมเลือกเรื่อง มโนราห์ มาทำเป็นภาพยนตร์

"ชีวิตพี่ คือ เกิดที่ใต้ โตมาในโรงมโนราห์ โตมากับหนังตะลุง ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เราก็ได้ยินเสียงพ่อร้องกลอนหนังตะลุง ร้องกลอนมโนราห์ ท่านก็ฝึกให้เราเล่นให้เราทำ พอวันหนึ่งเรามาโลดแล่นในวงการบันเทิง เป็นศิลปินนักร้อง แทนที่เราจะได้เป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่นเหล่านั้น เราก็เสียเวลานั้นไป เรากลายมาเป็นคนสาธารณะ แล้วได้เอาวัฒนธรรมท้องถิ่นมาใส่ในเพลง แต่นั่นก็คืองานในสายนักร้อง แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เราได้มีโอกาสได้เข้าไปในวงการภาพยนตร์ซึ่งเป็นความฝันตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สื่อภาพยนตร์ก็ไม่เคยมีใครทำเรื่องแบบนี้ แล้วมันทำผ่านองค์ประกอบที่เรารู้ที่เรามีอยู่ในเส้นเลือด อีกอย่างคือ ถ้าพี่ไม่ทำตอนนี้ ตอนที่ยังมีทุกอย่าง มีสุขภาพแข็งแรง มีคอนเนคชันหรือมีพาวเวอร์ที่จะทำงานนี้ได้ แล้วไม่ทำ ถ้าตายไป ก็ไม่รู้จะไปบอกบรรพบุรุษปู่ยาตายในสายมโนราห์ของเรายังไง เพราะงั้นต้องนำเสนอสิ่งที่เป็นตัวตนชัดเจน รากเหง้าคืออะไร และสำคัญคือ ความสวยงามของมันคืออะไร มันจะถูกส่งออก (ถ่ายทอดต่อ) ยังไง สิ่งเหล่านี้มันควรถูกนำมาสื่อในภาพยนตร์ แต่ผ่านคำว่าบันเทิง"

"ยกตัวอย่างหนังเรื่อง เทริด ภาคแรก ที่มันทำออกมาแล้วสนุกมาก เพราะมันไม่ได้ผ่านการขับร้องที่เป็นการเล่นการรำที่มันเป็นวัฒนธรรมจ๋า แต่มันเล่าเรื่องผ่านชีวิตวัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่อยากให้วัยรุ่นสืบทอด (วัฒนธรรมท้องถิ่น) ส่วนวัยรุ่นก็ตั้งคำถามกลับว่า "ทำไมมึงบังคับกูจัง?" ให้กูสืบทอดนี่มันเรื่องอะไร? นี่คือเส้นเรื่องของหนังเรื่องเทริด ซึ่งมันก็ตีโจทย์แตกไปแล้ว เด็กวัยรุ่นในเรื่องนั้นมันก็เข้าใจแล้วว่า "อ๋อ ผู้ใหญ่คิดอย่างนี้ เด็กก็เข้าใจแล้วว่า ตัวตนของตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และรากเหง้านี่แหละคือตัวตนของเรา"



"พอมาทำเรื่อง โนราห์ พี่อยากให้ทุกคนรู้ลึกไปมากกว่านั้น ว่า โนราห์ หรือมโนราห์นี่คืออะไร มันเป็นยังไง มีที่มายังไง แต่เสนอผ่านความบันเทิง"

"เมื่อคุณได้เสพความบันเทิงผ่านเส้นเรื่องราวความรักวัยรุ่นของคู่หนุ่มสาวที่ ฝ่ายหญิงเป็นเด็กลูกครึ่งฝรั่ง ไม่เคยรู้จักมโนราห์ พูดไทยไม่ชัดเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อลงไปเห็นว่า ความเป็นมา และย้อนไปอดีต ได้เห็นว่าถ้าคุณไปเปลี่ยนอดีต มันก็จะมีผลถึงปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างนี้ เมื่อไม่มีอดีตที่สืบทอดกันมา ปัจจุบันก็จะไม่น่ามอง จะมีคำถามและคำตอบให้เสร็จสรรพในภาพยนตร์เรื่องนี้"

"เราจะเห็นได้เลยว่า ถ้าโลกไม่มี(ศิลปะ)วัฒนธรรม มันอยู่ไม่ได้นะ เราอยู่ไม่ได้ มันน่ากลัวมาก และใช้คำว่าน่าเกลียด เพราะงั้น คนที่มีวัฒนธรรมอยู่แล้ว แต่ไม่รักมันนี่ มันน่าเสียดายนะ"

"ในหนัง มโนราห์ เรามีทั้งสาระและสอดแทรกไว้ในทุกอณูของความสนุก แน่นอนการที่คุณเข้าไปชม คุณต้องสนุก ต้องบันเทิง คุณได้หัวเราะ ได้ฮา ได้ร้องไห้ แต่ร้องไห้แล้วได้รับสาระที่ถูกสอดแทรกไว้ นั่นคือสิ่งที่คนทำหนังตั้งใจและประดิษฐ์มันไว้ตรงนี้ ให้คนดูได้เห็นว่า อ้าวเหรอ ของพวกนี้ มันเป็น(สมบัติ)ของพวกเรานี่"



       ทุกตำนานมีเรื่องเล่า บางเรื่องเล่ามีความจริง ภาพยนตร์แห่งศักดิ์ศรีและอัตลักษณ์ศิลปะของแผ่นดิน โดยนำเรื่องเล่าขาน ตำนาน ตามความเชื่อของท้องถิ่นทางภาคใต้ "โนราห์" 1 พ.ย. นี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์