เส้นทางขึ้นจอ จากวีรกรรมหญิงแกร่งมาเป็นหนัง "On The Basis Of Sex"
เฟลิซิตี้ โจนส์ ดาราสาววัย 35 ปี ผู้พรั่งพร้อมทั้งความสวยและฝีมือการแสดง ที่คอหนังต่างได้พิสูจน์ผลงานของเธอกันมาหลายเรื่องแล้ว ทั้งหนังสายรางวัล และหนังหวังผลทางการตลาด เธอรับบทนำมาแล้วใน Inferno , The Amazing Spider-Man 2 , Rogue One และคว้าออสการ์ดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Theory of Everything จากบท เจน ฮอว์คกิ้ง บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ในฐานะภรรยาของ สตีเฟน ฮอว์คกิ้ง นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก และในวันนี้เธอมารับบทเป็น รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก อีกบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์สหรัฐ ในฐานะทนายหญิงที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ศาลสูงแก้ไขตัวบทกฏหมายเพื่อความเสมอภาคต่อสิทธิสตรี และเป็นผลสำเร็จ และเป็นบทที่เธอได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากอีกครั้ง แม้ว่าจะยังไม่ได้รางวัลใหญ่ในบทนี้ แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้รับหน้าที่สะท้อนภาพแทนหญิงแกร่งที่เธอชื่นชม
เฟลิซิตี้ โจนส์ , มิมี ลีเดอร์ , อาร์มี่ แฮมเมอร์
เฟลิซิตี้ โจนส์ เล่าให้ฟังว่าเธอเองก็เพิ่งรู้จักชื่อเสียง รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ไม่นานนี้เอง เมื่อ 2 ปีที่แล้วเธออยู่ที่บ้านในอังกฤษกับแม่ แล้วเธอกับแม่ก็ฟังรายการสารคดีทางวิทยุของ BBC ด้วยกัน สารคดีนั้นเล่าวีรกรรมของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ทั้งเธอและแม่ต่างก็ทึ่งในความสามารถของ รูธ แล้วไม่นานจากนั้นเธอก็ได้รับข้อเสนอให้มารับบทเป็น รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ในหนังชีวประวัติของเธอเอง เฟลิซิตี้ โจนส์ ทั้งเซอร์ไพรส์และตื่นเต้น รีบไปบอกแม่ "แม่นี่ไงผู้หญิงมหัศจรรย์ที่เราเคยพูดถึงกัน"
บท รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เป็นบทที่นักแสดงหญิงในฮอลลีวู้ดต่างให้ความสนใจ แล้วครั้งหนึ่งมันก็เคยตกเป็นของนาตาลี พอร์ตแมน แต่ว่าหนังหยุดชะงักในขั้นตอนเตรียมการสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้นาตาลี บอกปัดไป จนสุดท้ายตกมาถึงเฟลิซิตี้ โจนส์ ซึ่งเธอก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อทราบรายละเอียดว่า รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดหนังเรื่องนี้ และคนเขียนบทหนังเรื่องนี้ก็คือ แดเนียล สตีเปิลแมน หลานของเธอเอง โดยที่รูธคอยให้คำปรึกษาในการเขียนอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญรูธยังช่วยทีมงานตัดสินใจเลือกนักแสดงที่จะมาเล่นเป็นตัวเธอ และเป็นคนเห็นชอบที่เลือกเฟลิซิตี้ โจนส์ มารับบทเป็นตัวเธอเอง แดเนียล สเตเปิลแมน เล่าเหตุการณ์ตอนที่เลือกเฟลิซิตี้ มารับบทว่า "รูธเองก็รักการแสดงทดสอบของเฟลิซิตี้มาก รูธตื่นเต้นแบบว่า ห๊า นี่เฟลิซิตี้ โจนส์ ที่เล่นหนัง Theory of Everything น่ะเหรอ โอ้วเธอยอดเยี่ยมมาก"
เทียบกันชัดๆ เฟลิซิตี้ โจนส์ กับ รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ตอนสาว
ส่วนเรื่องราวที่มาของบทภาพยนตร์ก็น่าสนใจ กับผลงานเขียนบทเรื่องแรกของแดเนียล สตีเปิลแมน ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิชาภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เขาเป็นหลานชายแท้ๆ ของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เขาเติบโตในรัฐ ลอง ไอส์แลนด์ อยู่ในบ้านหลังเดิมที่คุณลุงมาร์ติน กินส์เบิร์ก สามีของรูธเคยอยู่มาก่อน แดเนียล เองก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับคุณป้ารูธมากนัก ด้วยวัยที่ห่างกับป้ารูธถึง 50 ปี เขาจะเห็นป้ารูธก็แค่ในงานรวมญาติแล้วป้ารูธก็จะนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเป็นประจำ นอกจากรูธจะสร้างวีรกรรมที่สังคมชื่นชมแล้ว ในบรรดาเครือญาติต่างก็ภูมิใจในตัวเธอเช่นกัน แดเนียล จะได้บรรดาญาติพูดถึงรูธเสมอว่า "เธอเปลี่ยนแปลงโลก" แดเนียล เล่าถึงป้ารูธของเขาว่า "ในหัวของผมก็วาดภาพว่าหญิงที่เป็นผู้นำการเรียกร้องในยุค 70s นั้นจะต้องมีมาดแข็งแกร่งหน่อย แล้วก็ออกไปยืนเย้วๆ ต่อหน้าฝูงชน แต่ป้ารูธของผมเนี่ยน่ะเหรอ เคยลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงโลกมาแล้ว ใช่เธอจริงเหรอ เพราะป้ารูธที่ผมเห็นนี่นั่งเงียบแล้วก็ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา"
แดเนียล สตีเปิลแมน และ เจน กินส์เบิร์ก ลูกสาวของรูธ ที่มีบทบาทในหนังด้วย
นั่นคือความทรงจำตั้งแต่วัยเด็กที่เขามีต่อป้ารูธ ตั้งแต่นั้นแดเนียล ก็ไม่ได้สุงสิงอะไรกับป้ารูธ และคุณลุงมาร์ติน มากนัก จนคุณลุงมาร์ตินมาเสียในปี 2010 แดเนียลมางานศพพร้อมกับภรรยาของเขาที่เพิ่งแต่งงานกันก่อนหน้านั้นไม่นาน แดเนียลยังชื่นชมชีวิตคู่ของลุงมาร์ตินและป้ารูธให้ภรรยาฟัง ว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่รักและดูแลกันมาตลอดสมควรเอาเป็นแบบอย่าง และในงานนั้นแดเนียลก็ได้ฟังคำไว้อาลัยจากเพื่อนคนหนึ่งของลุงมาร์ติน ที่ได้ย้อนอดีตไปพูดถึงวีรกรรมสำคัญของรูธ ได้ว่าความคดีสำคัญที่ส่งผลไปถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในประวัติศาสตร์กฏหมายสหรัฐโดยมีมาร์ติน กินส์เบิร์ก เป็นผู้สนับสนุน ในคำไว้อาลัยนั้นได้จุดประกายให้แดเนียล สตีเปิลแมน ฉุกคิดได้ว่า "นี่มันเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมมาก มันจะต้องเป็นหนังที่น่าสนใจมาก"
หนึ่งปีจากนั้นแดเนียล ก็ไปหาป้ารูธ เล่าไอเดียให้ฟังว่าเขาอยากทำเรื่องราวของป้ารูธเป็นหนัง เขาจะเป็นคนเขียนบทเอง จะย้อนความไปถึงชีวิตคู่ของลุงและป้าในยุค 50s ในวันที่ป้าเพิ่งได้เข้าเป็นนิสิตวิชากฏหมายในฮาร์วาร์ด ต้องเป็นทั้งภรรยา แม่ที่ดูแลลูกเพิ่งเกิดใหม่ และต้องดูแลลุงมาร์ตินที่ป่วยเป็นมะเร็งอัณฑะอีกด้วย แล้วก็มาจบที่คดีภาษีที่เป็นประเด็นหลักของเรื่อง ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ แรกทีที่ป้ารูธได้ฟังไอเดียของหลาน เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยนัก ก็แค่บอกเออออไปว่า "ถ้าแกอยากจะใช้เวลาของแกกับเรื่องนี้ก็ทำไปเถอะ" รูธไม่เข้าใจว่าทำไมหลานชายอยากจะเจาะลึกถึงคดีภาษีในปี 1972 มากนัก มันเป็นคดีในความทรงจำที่เธอต้องเหน็ดเหนื่อยต่อสู้มานับทศวรรษ เป็นภารกิจที่ยาวนานที่สุดในอาชีพเธอ แต่เมื่อแดเนียลเปรยว่าเรื่องราวที่เขาจะเขียนนั้นพูดถึงชีวิตคู่ของเธอกับลุงมาร์ตินอีกด้วย เลยทำให้รูธสนใจมากขึ้นแล้วหันมาสนับสนุนอย่างเต็มที่ จากนั้นหลานชายและป้าก็ได้คลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นเวลาปีกว่ากับงานเขียนบทจนสำเร็จ
เบื้องหลังกองถ่าย On the Basis Of Sex
เมื่อบทภาพยนตร์ได้รับความสนใจจากสตูดิโอและเดินหน้างานสร้าง ทีมงานภาพยนตร์อยากที่จะได้พบกับรูธตัวจริง โดยเฉพาะเฟลิซิตี้ โจนส์ ผู้รับบทเป็นตัวรูธ เพราะจากประสบการณ์ตอนที่เธอรับบทเป็นเจน ฮอว์คกิ้ง การที่ได้พบกับตัวตนจริงจะช่วยเป็นแนวทางในการสวมบทบาทได้สมจริงยิ่งขึ้น แล้วเฟลิซิตี้ โจนส์ พร้อมกับ อาร์มี่ แฮมเมอร์ ผู้รับบทมาร์ติน กินส์เบิร์ก และ มิมี ลีเดอร์ ผู้กำกับก็เดินทางมาพบรูธ ทั้งหมดได้มาเยี่ยมชมภายในศาลและสำนักงานที่รูธเคยทำงาน เฟลิซิตี้ โจนส์ เล่าถึงนาทีที่เธอและทีมงานมาพบรูธครั้งแรก "รูธจ้องไปที่อาร์มี่ แฮมเมอร์ ตาไม่กะพริบเลย เห็นได้ชัดว่ามาร์ติน กินส์เบิร์กสามีของเธอยังมีผลกระทบต่อจิตใจเธอมากเพียงใด เมื่อเธอจ้องชายที่จะมาสวมบทบาทสามีของเธอ มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามมากที่เห็นเธอเป็นเช่นนั้น และมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวฉันมาก ที่ได้จดจำอากัปกิริยาที่ไร้เสียงพูดของเธอไว้"
เฟลิซิตี้ โจนส์ และผู้กำกับ มิมี ลีเดอร์
ต่อเนื่องถึงบ่ายวันนั้น รูธ ก็ได้เชิญเฟลิซิตี้ไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ เป็นการพบปะตัวต่อตัวที่เฟลิซิตี้เฝ้าคอย แรกไปถึงทั้งคู่ยังไม่คุ้นเคยต่อกัน เลยไม่ค่อยมีใครเอ่ยปากอะไรมากนัก บรรยากาศจึงค่อนข้างตึงเครียด จนกระทั่งรูธพาเฟลิซิตี้เดินชมส่วนต่างๆ ในบ้านของเธอ พาเธอไปดูครัวของลุงมาร์ติน เอาภาพเก่าๆ มาอวดเธอ บรรยากาศเลยผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนลากลับเฟลิซิตี้ ได้ถามว่ารูธอยากจะแนะนำอะไรเธอไหม ในการสวมบทบาทเป็นตัวเธอ รูธตอบได้อย่างน่าปลาบปลื้มว่า "เธอไม่ต้องการคำแนะนำใดๆ จากฉันทั้งสิ้น ฉันเคยดูหนังของเธอแล้ว ฉันมั่นใจว่าเธอทำได้ดีแน่นอน"
ไม่เพียงแต่รูธเท่านั้นที่มั่นใจในตัวเฟลิซิตี้ โจนส์ แต่แดเนียล สตีเปิลแมน ในฐานะหลานชายและผู้เขียนบทเองก็มั่นใจว่าเธอจะถ่ายทอดภาพลักษณ์ของป้ารูธออกมาได้ดี เหตุเพราะเฟลิซิตี้ เป็นสาวอังกฤษที่ไม่รู้จักเรื่องราวของรูธมาก่อน ทำให้เธอมีมุมมองจากสายตาของคนนอก แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีที่มีบทบาทสำคัญในสังคมอเมริกัน แต่ขณะเดียวรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ในสายตาชาวสหรัฐก็ยังเป็นวีรสตรีที่มาพร้อมความโอหัง และช่างเสียดสี "การที่เฟลิซิตี้ ก้าวเข้ามาเป็นรูธโดยที่ไม่มีอคติจะทำให้เธอเชื่อในตัวตนของรูธ และคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวของรูธ ก็คือผมที่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของรูธ"เมื่อหนังเสร็จสมบูรณ์ รูธก็ยังช่วยโปรโมตหนังด้วยการไปชมภาพยนตร์ในรอบสื่อมวลชน นั่งให้สื่อสัมภาษณ์ และชมภาพยนตร์ด้วยความตื่นเต้น เมื่อหนังจบเธอยังไม่ได้ให้ความเห็นอะไรมากนักเกี่ยวกับหนัง แต่ความเห็นสั้นๆ จากรูธในตอนนั้นคือ "ฉันดีใจที่เป็นเฟลิซิตี้ โจนส์"
โปสเตอร์หนังสารดคี RBG ที่เป็นใบเบิกทางให้กับหนัง On The Basis Of Sex
"On The Basis Of Sex"ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่เล่าเรื่องราวของ รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เพราะเดือนกันยายน 2018 ก็มีสารคดี "RBG" ที่เล่าเรื่องราวของรูธออกฉายไปก่อนหน้า และกลายเป็นหนังสารคดีที่ทำเงินสูงเป็นอันดับ 2 ในปีนั้น ด้วยตัวเลขถึง 14 ล้านซึ่งนับว่ามากอยู่สำหรับหนังสารคดี และเป็นการกล่าวนำให้โลกได้รู้จักวีรกรรมของรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ซึ่งรูธก็ได้รับผลตอบรับอย่างทันควัน เพราะในเดือนธันวาคม แพทย์ต้องผ่าตัดมะเร็ง 2 ก้อน ออกจากปอดซ้ายของเธอ ทันทีที่ข่าวออกไป มีบรรดาเซเลบริตี้บางรายถึงกับยินดีจะบริจาคปอดให้กับเธอ นั่นเท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าสังคมเริ่มรับรู้วีรกรรมในอดีตของเธอที่ส่งผลต่อสังคมปัจจุบันนี้
รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ในปัจจุบัน ถ่ายภาพในสำนักงานที่เธอเคยทำงาน
"สิ่งที่มีในตัวตนของรูธ เป็นสิ่งที่ขาดแคลนมากในผู้คนสมัยนี้ รูธไม่เคยต้องการอะไรจากคนอื่นเลย เธอไม่ใช่นักการเมือง เธอไม่ได้ต้องการให้คุณไปโหวตให้เธอ เธอไม่เคยพยายามขายอะไรกับคุณ เธอไม่ต้องการเงินจากคุณ ฉะนั้นถ้าเธอกล่าวอะไรออกมา คุณเชื่อได้เลยว่าเธอพูดจากใจที่เธอเชื่อมั่นในสิ่งนั้นแล้วจริง ๆ"แดเนียล สตีเปิลแมน หลานชายกล่าวถึงป้ารูธที่ยิ่งใหญ่ของเขา
เฟลิซิตี้ โจนส์ ยังกล่าวเสริมถึงรูธอีกว่า "ฉันได้เห็นอย่างถ่องแท้แล้วว่ารูธได้เหน็ดเหนื่อยบากบั่นต่อสู้เพื่อความเสมอภาคในสิทธิทางเพศมาแล้วขนาดไหน และพวกเราควรจะสืบทอดปณิธานของเธอต่อไป ทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้รับความเสมอภาคทางเพศที่สมบูรณ์พร้อมนะ โลกเรายังต้องการคนอย่างรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิความเสมอภาคอยู่ดี เธอได้ออกมาย้ำเตือนเราแล้วว่าเรื่องสิทธิความเสมอภาคมันสำคัญขนาดไหน โดยเฉพาะตอนนี้ เราควรที่จะยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่เราเชื่อมั่นว่าถูกต้อง ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับทัศนคตินั้นแล้วก็ตะโกนเรียกร้องมันออกไปดังๆ"
พบกับ On the Basis Of Sex : สตรีพลิกโลก ภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความบันเทิง และพาเราไปล่วงรู้ถึงนาทีสำคัญในประวัติศาสตร์ได้แล้ววันนี้
ตัวอย่างภาพยนตร์