เส้นทางสมบุกสมบันก่อนมาเป็นหนังฮิต The Upside
The Upside หนังดราม่า-คอมมีดี้ ที่กลายเป็นหนังฮิตรับต้นปี นำแสดงโดย เควิน ฮาร์ต ดาราตลกตัวเล็กเสียงดัง ที่หลายคนประทับใจเขาจาก Jumanji: Welcome to the Jungle (2017) และ ไบรอัน แครนสตัน ดารารุ่นใหญ่ที่สร้างชื่อมาจาก Breaking Bad ทีวีซีรีส์สุดฮิต และได้ผู้กำกับยอดฝีมือ นีล เบอร์เกอร์ ที่มีผลงานผ่านตาคอหนังมาแล้วมากมาย The Illusionist (2006), Limitless (2011) และ Divergent (2014)
The intouchables ภาพยนตร์ฝรั่งเศสต้นฉบับปี 2011
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า The Upside นั้นเป็นหนังที่รีเมคมาจาก The Intouchables หนังฝรั่งเศส สุดฮิตในปี 2011 เข้าฉายในบ้านเราด้วยชื่อไทยว่า "ด้วยใจแห่งมิตร พิชิตทุกสิ่ง" หนังประสบความสำเร็จอย่างมากในปีนั้น ด้วยทุนสร้างเพียง 108 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินทั่วโลกไปถึง 412.9 ล้านเหรียญ เข้าสู่อันดับที่ 40 ของรายชื่อ 250 หนังยอดเยี่ยมตลอดกาลโดยเว็บไซต์ IMDB ทำให้ฮอลลีวู้ดสนใจเป็นอย่างมากและซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างในเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ด เป็นโปรเจ็กต์ที่ดึงความสนใจนักแสดงแถวหน้ามาแคสติ้งบทกันหลายคนทั้ง เจมี่ ฟอกซ์ , ไอดริส เอลบา , คริส ร็อค , คริส ทัคเกอร์ , โคลิน เฟิร์ธ , เจสซิก้า แชสเทน และ มิเชล วิลเลียมส์ แต่สุดท้ายก็เป็น เควิน ฮาร์ต , ไบรอัน แครนสตัน และนิโคล คิดแมน ที่ได้รับเลือก
เควิน ฮาร์ต รับบทเป็น เดล สก็อตต์ อดีตนักโทษ ที่มาได้งานเป็นผู้ดูแลคนป่วย ฟิลลิป ลาคาส บทของ ไบรอัน แครสตัน , ฟิลลิป เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ร่างกายตั้งแต่คอลงมาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ต้องนั่งบนรถเข็นตลอดเวลา ใช้ปากในการบังคับรถเข็นได้เท่านั้น เป็นคู่หูที่มีความแตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ พื้นฐานครอบครัว การศึกษา และรสนิยม แต่เมื่อต้องมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ต่างก็ได้เรียนรู้ข้อดีจากกันละกัน ต่างซึมซับเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว และได้เจอมุมมองชีวิตใหม่ของตัวเอง ออกมาเป็นหนังฟีลกู๊ดที่ได้ทั้งสาระ ข้อคิด และรอยยิ้ม และยิ้มมากขึ้นเมื่อหนังจบแล้วมีตัวหนังสือขึ้นข้อความบอกว่า หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงและทุกวันนี้ตัวจริงของ เดล สก็อตต์ และ ฟิลลิป ลาคาส ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
นีล เบอร์เกอร์ ขณะกำลังกำกับ เควิน ฮาร์ต
เมื่อหนังต้นฉบับเป็นหนังดังระดับโลก แล้ว The Upside จะมีความเหมือนหรือแตกต่างจาก The Intouchables อย่างไรบ้าง? ผู้กำกับนีล เบอร์เกอร์ ได้ให้คำอธิบายไว้ว่า "เนื้อหายังคงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มขี้คุกที่ไม่มีคุณสมบัติข้อไหนเหมาะสมกับการมาเป็นผู้ดูแลส่วนตัวของมหาเศรษฐีอัมพาตผู้นี้เลย พลอตหลัก ๆ เนี่ยจะเล่าเหมือนกัน แต่ส่วนที่แตกต่างก็คือ เจตนารมณ์ของหนังจะสื่อต่างกัน เส้นทางที่จะสื่อไปถึงเจตนาของหนังจะไปคนละทิศทาง ของเรานี่มีตัวละครมากกว่า มีปูมหลังของตัวละคร เล่าว่าแต่ละคนมีที่มาอย่างไร ผมดึงส่วนที่ยอดเยี่ยมมาจาก The Intouchables แล้วก็เอามาต่อยอดมันออกไป"
The Upside กลายเป็นอีกผลงานกำกับของนีล เบอร์เกอร์ ที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ หนังเปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์หลายแห่งและกวาดรางวัลมาแทบทุกที่ แต่แรกเริ่มเดิมที ที่นีล ได้รับมอบหมายให้กำกับ เรื่องนี้เขากลับบอกปัดไป นีลเล่าเหตุผลให้ฟังว่า "ทีมงานมาเสนองานนี้ให้ผมตอนปี 2015 แล้ว ผมก็บอกว่าไม่เอา ไม่อยากทำ ผมจะรีเมคหนังที่ฮิตระดับโลกไปเพื่ออะไรกัน ผมไม่อยากกำกับเรื่องนี้ ผมไม่อยากสร้างหนังรีเมค พอมาถึงปี 2016 พวกเขากลับมาอีกรอบ เป็นบทเวอร์ชั่นใหม่ ที่แตกต่างจากเดิมมาก มันทำให้ผมมองเห็นภาพว่าเรื่องราวของคู่หูคู่นี้จะดำเนินไปบนความเป็นอเมริกันได้อย่างไร ผมสัมผัสได้ถึงความแตกต่างสุดขั้วของ 2 คนนี้ แล้วทั้งคู่ก็หาพื้นที่ตรงกลางที่ทั้งคู่ต่างก็ข้ามความแตกต่างมาอยู่ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะด้วยเชื้อชาติ ฐานะ หรือสภาพร่างกาย และต่างก็สื่อถึงกันด้วยความเคารพและความเห็นใจ ตรงจุดนี้แหละที่ผมอยากจะเล่าออกมา"
และบทเวอร์ชั่นี้ล่ะ ที่ถูกอกถูกใจนีล เบอร์เกอร์ มากมาย ทำให้เขาลืมทิฐิเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะไม่กำกับหนังรีเมคเสียสิ้น "ผมล้มเลิกข้อแม้เดิมไปเลย ที่ผมตั้งใจว่าจะไม่กำกับหนังรีเมคมาก่อนหน้านี้ ผมมองเห็นโจทย์แล้วว่า The Intouchables ต้นฉบับที่เป็นหนังพูดฝรั่งเศสไม่ทำเงินในอเมริกาเท่าที่ควร ฉะนั้นผมต้องแปลความออกมาให้มีความเป็นอเมริกันมากขึ้น เล่าเรื่องราวให้เดินหน้าไปบนอารมณ์ขัน เจือดราม่า และความน่าสงสารของฟิลลิป ใช้มันทุกช่องทางที่จะสื่อให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความมีมนุษยธรรมในตัวละครหลัก แต่สื่อทั้งหมดออกมาแบบความบันเทิงครั้งใหญ่"
แม้ว่าบทภาพยนตร์ The Upside จะมีการปรับเปลี่ยนมากมายจาก The Intouchables แต่หลาย ๆ เหตุการณ์น่าประทับใจที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของ ฟิลลิป ปอซโซ และ อับเดล เซลลู นั้นก็ยังคงไว้และถูกเล่าอีกครั้งใน The Upside อย่างเช่นฉากเปิดเรื่องที่ เดล สก็อตต์ ซิ่งรถด้วยความเร็วสูง แต่แล้วก็โดนตำรวจเรียก ฟิลลิป เลยแกล้งทำเป็นว่าป่วยหนักอาการกำเริบ ทำให้ตำรวจเปลี่ยนใจจากที่จะจับแล้วต้องวิ่งเป็นรถนำขบวนให้ทั้งคู่ไปโรงพยาบาลแทน รวมถึงฉากที่เดล สก็อตต์ ปรับแต่งรถเข็นของฟิลลิป ให้กลายเป็นรถซิ่งวิ่งได้เร็วถึง 14 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วทั้งคู่ก็ซิ่งไปด้วยกัน รวมไปถึงช่วงท้ายที่เดล เริ่มซึมซับความไพเราะของเพลงคลาสสิกที่ฟิลลิปโปรดปราน แต่บางฉากที่ The Intouchables เขียนเสริมขึ้นมาไม่เคยเกิดในชีวิตจริงแต่ก็ยังคงอยู่ใน The Upside ก็อย่างเช่นฉากที่เดล ตัดแต่งทรงผมให้ฟิลลิปดูเหมือนฮิตเลอร์ และฉากเดล ขอชิมน้ำชาในร้านอาหารว่าร้อนหรือไม่ ก่อนที่จะให้ฟิลลิปดื่ม แต่เรื่องจริงที่ทั้ง 2 เวอร์ชั่น ต่างเลือกที่จะไม่หยิบมาใส่ไว้ในหนังคือเรื่องราวภรรยาของฟิลลิป ในหนังกล่าวว่าภรรยาของฟิลลิปเสียด้วยโรคมะเร็ง ก่อนที่เดลจะเข้ามาดูแลฟิลลิป แต่ในชีวิตจริงนั้น อับเดลตัวจริงได้เข้ามาดูแล ฟิลลิปตัวจริงก่อนที่ภรรยาจะเสีย แล้วยังได้อยู่เป็นกำลังใจช่วยให้ฟิลลิปต่อสู้ผ่านพ้นความเสียใจนั้นไปได้
ตัวตนจริง ซ้าย : อับเดล เซลลู /ขวา : ฟิลลิป ปอซโซ ดิ บอร์โก
ด้วยเหตุที่ว่าเรื่องราวของ The Upside นั้นอ้างอิงมาจากบุคคลที่มีตัวตนจริง "ฟิลลิป ปอซโซ ดิ บอร์โก" นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูง และ "อับเดล เซลลู" ผู้ดูแลส่วนตัวของเขาชาว แอลจีเรีย-ฝรั่งเศส ซึ่งก็เป็นข้อดีของทีมงาน ที่ไบรอัน แครนสตัน ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ฟิลลิป ปอซโซ ตัวจริง เพื่อศึกษาบุคลิกตัวตนอย่างตัวจริง ซึ่งฟิลลิปก็สนับสนุนทีมงานอย่างดี เขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนอย่างลึกซึ้งและยังอวยพรให้ไบรอันประสบความสำเร็จในงานนี้ด้วย นอกจากได้รับคำ แนะนำจากตัวจริงแล้ว ทีมงานยังทำการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมอีกมากเกี่ยวกับผู้ป่วยอัมพาตว่า การที่ต้องสูญเสียประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายนั้น มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ อารมณ์ความรู้สึกเพียงใด ทีมงานได้พูดคุยพบปะกับผู้ดูแลคนป่วยหลายราย ซึ่งก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ส่วนเควิน ฮาร์ต ผู้รับบท เดล สก็อตต์ นั้นก็ทำการบ้านพอสมควร "ผมอ่านบทจนจบก่อน แล้วค่อยไปหาหนังต้นฉบับมาดู ผมไม่ได้ดูเพื่อเลียนท่าทางการแสดงของนักแสดงชุดเดิม ผมดูเพื่อให้ตัวเองได้รู้จักหนังต้นฉบับแค่นั้น ดูว่านักแสดงชุดเดิม เขาสื่อสารท่าทางไว้อย่างไร พอบทมาผมก็ตีความได้ง่ายขึ้น แล้วผมก็สื่อบทของผมออกมาในแบบที่มีความเป็นอเมริกัน ปรับแต่งให้มันเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น"
เมื่อผู้กำกับพร้อม บทพร้อม นักแสดงนำทุกคนได้ทำการบ้านของตัวเองมาดี ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลที่เป็นต้นแบบของเรื่องราว ทำให้หนังผ่านขั้นตอนการถ่ายทำไปอย่างราบรื่น หนังเสร็จสมบูรณ์แล้วได้ไปฉายเปิดตัวในเทศกาลหนังโตรอนโตตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับดี แต่เกิดอะไรขึ้นล่ะ ทั้งที่หนังพร้อมฉายตั้งแต่ปี 2017 แต่หนังกลับมาได้ออกฉายตอนต้นปี 2019 ปัญหาใหญ่มาถึงตัวหนังในรูปแบบที่ทีมงานไม่สามารถทำอะไรกับตัวหนังและกำหนดฉายได้เลย เหตุจาก The Upside เป็นหนังของเดอะ ไวน์สตีน คอมพานี ผู้รับผิดชอบการจัดจำหน่าย The Intouchables ในอเมริกา และยังซื้อลิขสิทธิ์บทหนังไว้ด้วยก็เป็นสาเหตุให้ The Upside เป็นหนังของเดอะ ไวน์สตีน เช่นกัน และในช่วงที่หนังจะได้ออกฉาย ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน เจ้าของบริษัท ก็โดนข้อหา "ล่วงเกินทางเพศ" ที่เป็นกระแสต่อต้านครั้งใหญ่ในฮอลลีวู้ดในช่วงนั้นพอดี ส่งผลให้ เดอะ ไวน์สตีน คอมพานี ต้องปิดตัวลง The Upside ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วเลยต้องหาบ้านใหม่ แล้วก็มาได้ STX Entertainment ทำให้หนังได้ฤกษ์ออกฉายในอเมริกาและทั่วโลกประเดิมความสำเร็จตั้งแต่ต้นปี 2019
ด้วยความประทับใจและซาบซึ้งในความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้แตกต่างคู่นี้ หนังไม่เพียงถูกรีเมคในเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ด แต่ก่อนหน้านี้ อินเดีย เคยรีเมคไปแล้วในชื่อ Oopiri ออกฉายในภาษาทมิฬเมื่อปี 2016 และกำลังจะสร้างในเวอร์ชั่นบอลลีวู้ดอีกเร็ว ๆ นี้ ส่วนอาร์เจนติน่า ก็กำลังจะสร้างในชื่อ "Inseparables" ส่วนบ้านเราเตรียมพบกับความประทับใจในความสัมพันธ์และความฮาจากคู่หูคู่นี้พร้อมกัน ร่วมพิสูจน์ว่าทำไมหนังถึงประสบความสำเร็จถึงต้องสร้างกันอีกหลายครั้ง 21 กุมภาพันธ์นี้
ตัวอย่างภาพยนตร์