6 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดู Dumbo ดัมโบ้ เจ้าช้างหูใหญ่แสนรู้
Dumbo เจ้าช้างน้อยหูใหญ่ หนึ่งในตัวละครคลาสสิกของดิสนีย์ที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี จากการ์ตูนเมื่อปี 1941 วันนี้ ดัมโบ้ มีอายุถึง 78 ปีแล้ว ทางดิสนีย์ก็ได้ตัดสินใจหยิบเจ้าดัมโบ้กลับมาสร้างใหม่ในรูปแบบหนังคนแสดง และได้ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับระดับตำนานมารับหน้าที่ แถมยังมีดารามาร่วมงานกันคับคั่งทั้ง โคลิน ฟาร์เรล , แดนนี่ เดอวิโต แล ะไมเคิล คีตัน แม้ว่าในการ์ตูนต้นฉบับจะพูดแค่เรื่องเจ้าดัมโบ้ช้างหูใหญ่หัดที่จะใช้หูของมันให้บินได้ แต่เมื่อดัดแปลงมาเป็นหนังคนแสดง เนื้อหาถูกดัดแปลงให้เข้มข้นหม่นขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นหนังที่รับชมได้ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก จากที่เห็นในตัวอย่าง ดัมโบ้ จะดูน่าสงสารมากขึ้นที่ต้องพลัดพรากจากแม่ และเจ้าของคณะละครสัตว์ก็จะดูโหดร้ายมากขึ้น แถมมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ฉ้อฉลอีกซะด้วย รอบนี้ก็เลยมีทั้งตัวละครเก่าจากเวอร์ชั่นปี 1941 มาปรับแต่งเสียใหม่ และเพิ่มตัวละครใหม่ๆ อีกหลายตัว ก่อนที่จะพบกับ Dumbo เจ้าช้างแสนน่ารักในวันที่ 28 มีนาคม นี้ เรามีเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับหนัง Dumbo มาฝากกันครับ
1. มีคู่สามี-ภรรยาตัวจริงมาร่วมแสดง
จากที่เราเห็นในตัวอย่างหนังว่า dumbo เวอร์ชั่นนี้จะมีเด็กน้อยพี่น้องเป็นตัวหลักของเรื่อง มิลลี่ผู้เป็นพี่สาว และ โจผู้เป็นน้องชาย ทั้งคู่คอยดูแลดัมโบ้เจ้าช้างน้อยที่ต้องอยู่ห่างไกลแม่ ซึ่งมิลลี่และโจจะเข้าใจความรู้สึกดัมโบ้ดี เพราะทั้งคู่ก็ต้องอยู่ห่างจากโฮลต์ (โคลิน ฟาร์เรล)พ่อของพวกเขาซึ่งเคยทำงานอยู่ในคณะละครสัตว์นี้แล้วต้องไปออกรบ มิลลี่และโจจึงอยู่ในความดูแลของคู่สามี-ภรรยานักมายากล ผู้ใช้ฉายาในการแสดงว่า อิวาน จอมมหัศจรรย์ และ แคทเธอรีน ผู้ยิ่งใหญ่ ทั้้งคู่รับบทโดย มิเกล มูนอซ และ เซไนดา อัลคาลด์ ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยากันในชีวิตจริง แล้วทั้งคู่ก็ยังเป็นนักแสดงกายกรรมผาดโผนตัวจริงด้วย ซึ่งเปิดการแสดงอยู่ในประเทศสเปน
2. ฉันกลัวความสูง
ในเรื่องนี้อีวา กรีน นักแสดงสาวสวยที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับทิม เบอร์ตัน มาแล้วใน Dark Shadows (2012) ก็ได้กลับมาร่วมงานกับ ทิม เบอร์ตันอีกครั้งในบท โคเล็ตต์ มาร์ชานต์ แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นงานยากสำหรับเธอ เพราะบทโคเล็ตต์ คือนักแสดงกายกรรมผาดโผนกลางอากาศ ซึ่งอีวา เธอเป็นโรคกลัวความสูงมาก เพื่อบทนี้อีวาก็เลยต้องทำการบ้านหนัก ได้นักแสดงผาดโผนมืออาชีพมาติวเข้มเป็นการส่วนตัว สร้างความมั่นใจให้เธอจนเป็นผลสำเร็จ สุดท้ายอีวาก็เอาชนะความกลัวและแสดงฉากผาดโผนด้วยตัวเธอเองได้
3. ภาระหน้าที่กดดัน
Dumbo อนิเมชั่นเมื่อปี 1941 นั้นประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ และบนเวทีออสการ์ หนังได้รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และ เพลงหลักของหนัง "Baby Mine"ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงเพลงประกอบยอดเยี่ยมอีกด้วย พอมาถึง Dumbo เวอร์ชั่น 2019 ก็ยังคงใช้เพลง "Baby Mine"เป็นเพลงธีมหลักของหนังเช่นเคย รอบนี้ตกเป็นหน้าที่รับผิดชอบของ ชารอน รูนีย์ นักแสดงสาวผู้รับบท "มิสแอตแลนติส"ในเรื่องนี้ จะต้องเล่นอูคูเลเล่และร้องเพลงนี้ในเรื่องด้วย ทั้งที่ตลอดชีวิตของเธอไม่เคยเล่นอูคูเลเล่มาก่อนเลย แต่พอถึงขั้นตอนบันทึกเสียงจริงเธอก็เล่นมันออกมาได้อย่างงดงามทั้งที่ฝึกเล่นก่อนหน้านี้มาแค่สัปดาห์เดียว รูนีย์ เล่าว่าเพลงนี้มีความหมายกับเธอมาก มันเป็นความทรงจำดีๆ ของเธอ เพราะคุณย่าของเธอร้องเพลงนี้ให้เธอฟังตอนเธอยังเด็กๆ
4. ปิงปองสมานฉันท์
เพื่อความสมจริงในการแสดง กับหนังที่มีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับคณะละครสัตว์ ทิม เบอร์ตัน เลยใช้นักแสดงละครสัตว์ตัวจริงจากทั่วทุกมุมโลกมาเป็นผู้แสดงร่วมในเรื่องนี้ จึงค่อนข้างเป็นปัญหาในการสื่อสารในกองถ่ายเพราะนักแสดงมาจากหลายชาติหลายภาษา แต่แล้วทีมงานก็พบวิธีทลายการสื่อสารอย่างง่ายๆ นั่นคือ "โต๊ะปิงปอง" ที่ทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธไมตรี ไม่ว่าจะชาติใดภาษาใดต่างก็มาร่วมตีปิงปองด้วยกันได้
5. บัลเลต์ช่วยสร้างความสง่างาม
เรื่องราวของอีวา กรีน คนสวยอีกสักเรื่อง ในการรับบทเป็น "โคเล็ตต์" นักแสดงผาดโผนระดับนั้น อีวา จะต้องถ่ายทอดให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ ผ่านร่างกายที่ดูแข็งแรงมั่นคง มีไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และขณะเดียวกันต้องสง่างามให้สมกับดาราของคณะละครสัตว์ , ฟรานเซสกา เจย์เนส ครูฝึกส่วนตัวจึงเลือกให้อีวา กรีน ฝึกหัดบัลเลต์ เพื่อสื่อออกมาให้ได้เห็นทั้งความสวยงามและความแข็งแรงของร่างกาย
6. จับตาดูชุดของมิสแอตแลนติส
มิสแอตแลนติส บทของชารอน รูนีย์ สาวร่างท้วมนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องเครื่องแต่งกายมาก ชุดที่เธอใส่นั้นประกอบด้วยผ้าตัดเป็นรูปเกล็ดปลากว่า 100 ชิ้นมาเย็บต่อกันด้วยมือ สลับไปด้วยเกล็ด 2 สี ดำและเทอร์คอยส์ แล้วเกล็ดแต่ละชิ้นประกอบไปด้วยผ้า 4 ชั้นเรียงซ้อนกัน ด้นขอบด้วยโลหะแวววาวเพื่อขับเน้นให้แต่ละเกล็ดสะท้อนแสงชัดเจน
ตัวอย่างภาพยนตร์