จากความสำเร็จของอัลบั้ม El Dorado ของสาวชากีรา เป็นอัลบั้มลำดับที่ 11 ของเธอ ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2017 สามารถขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต US Latin Pop Albums (Billboard) และอันดับ 2 US Top Latin Albums (Billboard) และอยู่ในอันดับต้นๆ อีกหลายประเทศ แถมยังคว้ารางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Latin Pop Album ได้อีกด้วย ชากีรา ตอกย้ำความสำเร็จนี้ด้วยการออกทัวร์คอนเสิร์ต ถึง 54 เวที ตั้งแต่อเมริกา, ยุโรป, เอเซีย และประเทศในแถบลาตินอเมริกา กินระยะเวลายาวนานถึง 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018 ไปจบในเดือนพฤศจิกายน 2018 ส่วนหนึ่งที่ El Dorado World Tour ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเพราะเธอเว้นห่างจากทัวร์คอนเสิร์ตไปยาวนานถึง 7 ปี

        แต่ความยิ่งใหญ่ของ El Dorado World Tour จะไม่จบไปเพียงแค่นั้น ความประทับใจของผู้ที่มีโอกาสได้รับชมยังไม่จางหายและเปิดโอกาสให้แฟนๆ ของเธอที่พลาดโอกาสได้เข้าชมคอนเสิร์ตของเธอได้ร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความประทับใจครั้งนี้ ชากีรา ตัดสินใจรวบรวมบรรยากาศของ El Dorado World Tour มาไว้เป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ต Shakira in Concert: El Dorado World Tour ซึ่งจะเริ่มฉายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 13 พฤศจิกายน จำนวน 2,000 โรงฉาย ใน 60 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

 

ส่วนตัวชากีราเอง เธอก็มีช่วงเวลาประทับใจระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตนี้มากมาย

"ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดตลอดชีวิตการทำงานของฉัน"

      สาเหตุหนึ่งที่ El Dorado World Tour เป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ควรค่าแก่การจดจำก็เพราะ ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ชากีราได้แสดงออกถึงความรักในอาชีพนักร้องของเธอ และความผูกพันที่เธอมีต่อแฟนเพลง El Dorado World Tour วางกำหนดไว้ว่าจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2017 ปีเดียวกับที่อัลบั้มออกวางจำหน่าย แต่ชากีราเกิดป่วยเลือดออกที่เส้นเสียง เหตุจากการซ้อมหนัก ทำให้กำหนดการเริ่มทัวร์ต้องเลื่อนออกไปถึง 8 เดือน

"หลังจากที่เสียงของฉันกลับคืนสภาพเดิม เสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ก็คือแรงบันดาลใจให้ฉันกลับคืนสู่เวทีอีกครั้ง และมันแทบไม่น่าเชื่อว่าภาพคอนเสิร์ตนี้จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งบนจอภาพยนตร์ใน 60 ประเทศทั่วโลก มีแฟนๆ จำนวนมากถามถึงภาพยนตร์คอนเสิร์ตนี้เข้ามาทางสื่อโซเชียลของฉันว่าเมื่อไหร่จะเสร็จสักที ตอนนี้หนังก็เรียบร้อยแล้ว ฉันหวังว่าภาพยนตร์คอนเสิร์ตนี้จะเป็นความทรงจำที่ดีทั้งตัวฉันและแฟนๆ ทุกคนที่คอยสนับสนุนตัวฉันอย่างดีตลอดมา"

       อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับภาพยนตร์คอนเสิร์ตนี้ก็คือ ชากีรา เธอเป็นผู้กำกับเอง ร่วมกับ เจมส์ เมอร์รีแมน ภาพส่วนใหญ่ในหนังจะบันทึกจากคอนเสิร์ตในลอส แองเจลิส เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 และบางส่วนจากเวทีอื่น พร้อมทั้งคลิปเบื้องหลังคอนเสิร์ต ชากีรา จะทำหน้าที่ให้เสียงบรรยายด้วยตัวเธอเอง

ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ชากีรา

      เธอเป็นศิลปินสาวชาวโคลอมเบียน วัย 42 ปี มีความสามารถมากมายทั้งการร้อง เล่นดนตรี และแต่งเพลงด้วยตัวเธอเอง ตลอด 28 ปีในวงการเพลงเธอคว้ามาหลายรางวัลแกรมมี อวอร์ด และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ทำยอดขายซิงเกิล และอัลบั้มมากกว่า 60 ล้านก๊อปปี้ ชื่อของชากีราถูกจารึกในฐานะศิลปินเพลงจากอเมริกาใต้ที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตอเมริกาเหนือ และยังมีอีก 4 เพลงที่เข้าอันดับ top20

      อัลบั้มที่ 10 ของเธอใช้ชื่อว่า "Shakira" ออกในปี 2014 มีซิงเกิลฮิต "Can't Remember to Forget You" ที่เธอได้ร้องคู่กับ "ริฮานนา" และเพลง "La La La (Brazil 2014)" ที่เธอได้แสดงสดเพลงนี้ในรอบชิงชนะเลิศบอลโลกปี 2014 ที่บราซิล

      ปี2016 ได้พากย์เสียงเป็น "กาเซล" ในแอนิเมชัน "Zootopia" แล้วยังได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ "Try Everything" จากเรื่องเดียวกัน เดือนมิถุนายน 2016 ออกซิงเกิล "La Bicicleta" ที่เธอได้ร้องคู่กับ คาร์ลอส ไวฟ์ ศิลปินชาวโคลอมเบียน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการขึ้นอันดับ 1 ติดต่อกันถึง 18 สัปดาห์ ในประเทศสเปน แล้วเพลงเดียวกันนี้ยังขึ้นอันดับ 1 ใน  US Latin iTunes, มิวสิกวิดีโอเพลงนี้ถ่ายทำในเมือง บารานกิลา บ้านเกิดของ ชากีรา และเมือง ชานทา มาร์ทา บ้านเกิดของ คาร์ลอส มิวสิกวิดีโอฮิตมาก มีผู้ชมมากกว่า 1,000 ล้านวิวบน Vevo

       ชากีรา ตอกย้ำความนิยมด้วยเพลง "Chantaje" ได้ศิลปิน มาลูมา มาฟีเจอริง เพลงนี้มีผู้ชมบนยูทูบมากกว่า 2,000 ล้านวิว ตัวเพลงยังขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต "Latin Airplay"

 

ตัวอย่างภาพยนตร์