เด็กยุค 90s ปลื้มแน่นอน! “มะเดี่ยว” ชวนมาปลุกความรัก หวนรำลึกความทรงจำฉบับหนังวัยรุ่นไทยในอดีต

Movie News20 กันยายน 2562

HIGHLIGHT

  • "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" ที่เคยฝากผลงานที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมาแล้วอย่าง 'รักแห่งสยาม' ซึ่งหนังคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้จากทุกเวทีรางวัลในเมืองไทย และยังได้รับความนิยมในประเทศจีนอีกด้วย
     
  • "ดิว ไปด้วยกันนะ" หนังเล่าเรื่องการเติบโตของ "ภพ" (เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ) โดยในวัยเด็กซึ่งมีความทรงจำที่งดงามกับ "ดิว" (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี) เพื่อนชายคนสนิท จนเมื่อทั้งคู่ต้องแยกทางโดยทิ้งความรู้สึกผิดบาปในหัวใจ ปัจจุบัน ภพ ในวัยผู้ใหญ่เดินทางกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเก่าซึ่งบรรจุความทรงจำงดงามระหว่างเขาและดิวเอาไว้ ที่นี่ที่ทำให้เขาคิดถึงดิวอีกครั้ง
     
  • "สิ่งที่มันมีอยู่คือความเจ็บปวดในอดีต มันส่งผลมาถึงปัจจุบันที่ยังต้องการความรักนั้นอยู่ เขายังคงอยู่กับรักแรกที่อาจเคยทำผิดพลาดไป พอเขามีโอกาสอีกครั้งก็ดันเป็นช่วงชีวิตที่มีความรู้สึกผิดและล้มเหลวเข้ามาด้วย" - มะเดี่ยว ชูเกียรติ
     
  • "รู้สึกว่าจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครน่ะมันหม่น แต่เราอยากให้โลกมันสดใสในแบบหนังที่เราเคยดู 'หวานมันส์ฉันคือเธอ' 'แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ' 'กระโปรงบาน..ขาสั้น' หรือแม้กระทั่ง 'บุญชู'" - มะเดี่ยว ชูเกียรติ

 


         กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้งกับสุดยอดผู้กำกับแถวหน้าของเมืองไทย "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" ที่เคยฝากผลงานที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมาแล้วอย่าง 'รักแห่งสยาม' ซึ่งหนังคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้จากทุกเวทีรางวัลในเมืองไทย และยังได้รับความนิยมในประเทศจีนจนสามารถสร้างฐานแฟนคลับชาวจีนให้กับนักแสดงที่แจ้งเกิดจากหนังเรื่องนี้ ทั้ง "มาริโอ้ เมาเร่อ" และ "วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล" และครั้งนี้ผู้กำกับมะเดี่ยวขอหยิบยกเรื่องราวความรักระหว่างวัยรุ่นชายสองคนมาเล่าอีกครั้งใน "ดิว ไปด้วยกันนะ"



         ต้นเรื่องหลักเล่าเรื่องรักในอดีตของหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งไม่สมหวังเพราะชะตาลิขิต กับปัจจุบันที่เขามาพบกับหนุ่มอีกคนซึ่งทำให้เขาคิดถึงแฟนสาวในอดีต มะเดี่ยวเปลี่ยนโครงมาสู่ชีวิตของ "ดิว" (โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี) กับ "ภพ" (เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ) สองเด็กชายวัยมัธยมปลายในปางน้อย เมืองเล็กๆ ติดดอยแห่งหนึ่ง ที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งหัวใจไร้ข้อกำหนดด้วยเพศสถานะ จนเมื่อทั้งคู่ต้องแยกทางโดยทิ้งความรู้สึกผิดบาปในหัวใจ ปัจจุบัน ภพ ในวัยผู้ใหญ่เดินทางกลับมาปางน้อยเพื่อเป็นครูที่โรงเรียนเก่าซึ่งบรรจุความทรงจำงดงามระหว่างเขาและดิวเอาไว้ ที่นี่ที่ทำให้เขาคิดถึงดิวอีกครั้ง แม้ว่าขณะนั้นเขาจะมีภรรยาอยู่แล้วนั่นคือ "อร"



        มะเดี่ยวเล่าถึงโปรเจ็กต์ครั้งนี้ว่า "สิ่งที่มันมีอยู่คือความเจ็บปวดในอดีต มันส่งผลมาถึงปัจจุบันที่ยังต้องการความรักนั้นอยู่ เขายังคงอยู่กับรักแรกที่อาจเคยทำผิดพลาดไป พอเขามีโอกาสอีกครั้งก็ดันเป็นช่วงชีวิตที่มีความรู้สึกผิดและล้มเหลวเข้ามาด้วย คือในวัยเด็กของหนังถึงแม้จะเป็นความรักที่ต้องห้าม แต่โลกมันสดใสมากเลยนะ เต็มไปด้วยความอบอุ่น สดใส สว่าง นั่งกลางแดดตลอดเวลา แต่พอตัวละครโตขึ้น ต่อให้ทุกอย่างมันถูกครรลองคลองธรรม เหตุการณ์ในวัยเด็กมันก็กลับมาเมื่อตัวละครได้มาอยู่ในโลกเดิมๆ ที่เคยเป็น เขากลับมาที่ปางน้อยด้วยความรู้สึกล้มเหลว พอความเครียดมันประเดประดังเข้ามามากๆ เมื่อเจอแสงสว่างจากอดีตส่องเข้ามาเพียงน้อยนิด เขาก็เลยพยายามที่จะเดินเข้าไปหา"



         สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนดูเทใจกับ 'รักแห่งสยาม' คือการที่หนังตั้งคำถามต่อความรักในเพศเดียวกัน ใน "ดิว ไปด้วยกันนะ" เองก็เช่นกัน ด้วยการวางเพศสถานะนี้ในสังคมไทยชนบทของเด็กมัธยมชาย ช่วง พ.ศ.2539 อันเป็นช่วงเวลาที่สังคมยังไม่เปิดรับเรื่องความหลากหลายทางเพศมากนัก "ความรักในเพศเดียวกันในยุคนั้นมันเป็นความผิดร้ายแรง ประเด็น LGBT ในหนังเรื่องนี้บางทีเด็กรุ่นนี้อาจจะไม่เก็ต แน่นอนเพราะเราผ่าน 'รักแห่งสยาม' มาแล้ว แต่ถ้าคนรุ่นเดียวกับเราไปดูน่าจะรู้สึกอะไรบางอย่าง ซึ่งมันเป็นเรื่องจริง และเคยเกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมที่เราเคยผ่านมา เขาปฏิบัติกันแบบนั้น เป็นแล้วต้องรักษา เพราะเมื่อก่อนเรื่องโรคเอดส์มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก ใครเป็นกะเทยมีความเสี่ยงจะเป็นเอดส์ทันที"



    เมื่อหนังมีช่วงเวลาสำคัญเป็นสังคมมัธยม พ.ศ.2539 มะเดี่ยวจึงเลือกที่จะเล่าหนังในช่วงเวลาดังกล่าว ด้วยทิศทางแบบหนังวัยรุ่นไทยยุค 90s อันเป็นยุคทองของหนังกลุ่มนี้ "เราโตมาในยุคนั้น และเราก็มองโลกในมุมที่สดใส หนังวัยรุ่นในยุคนั้นมันใสมากเลยนะ มันไร้เดียงสา มันกล่อมเกลาให้เราเป็นคนดี ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเลวร้ายแค่ไหนก็ตามแต่ สุดท้ายมันจะปลูกฝังให้เราเป็นคนดี ทำให้เรามองโลกสดใส มีเพื่อน มีคนรัก มีครอบครัว ที่คอยอยู่เคียงข้าง ดราม่าแค่ไหนสุดท้ายก็จะจบสวย"



       "รู้สึกว่าจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครน่ะมันหม่น แต่เราอยากให้โลกมันสดใสในแบบหนังที่เราเคยดู 'หวานมันส์ฉันคือเธอ' 'แบบว่าโลกนี้มีน้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ' 'กระโปรงบาน..ขาสั้น' หรือแม้กระทั่ง 'บุญชู' ในหนังพวกนี้ไม่ได้พูดถึงคนที่มีเพศสภาพนี้เลยนะ ถ้ามีก็เป็นตัวประกอบตลกโปกฮา เราเลยเอาสีสันแบบนั้นมา แล้วเอาตัวละครเราไปอยู่ตรงนั้น ได้สร้างโลกใหม่ให้กับตัวละครชายรักชายขึ้นมาในยุคนั้น"

เตรียมย้อนรอย หวนรำลึกความทรงจำไปด้วยกันใน "ดิว ไปด้วยกันนะ" 31 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์