เคซีย์ อัฟเฟล็ก แปลงนิทานก่อนนอนที่เขาเล่าให้ลูกชายฟัง กลายเป็นหนัง Light of My Life

Movie News28 พฤศจิกายน 2562

        Light Of My Life ผลงานกำกับเรื่องแรกของ เคซีย์ อัฟเฟล็ก นักแสดงมากฝีมือ ดีกรี 1 ออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Manchester by the Sea (2016) ที่เล่าเหตุหลังโลกมนุษย์ต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ด้วยโรคระบาดรุนแรงที่คร่าชีวิตสตรีเพศบนโลกไปแทบหมดสิ้น เคซีย์ อัฟเฟล็ก รับบทนำในเรื่องนี้เอง เขาเป็นพ่อที่ต้องผจญภัยไปบนโลกที่กลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกับ "แร็ก"ลูกสาววัย 11 ปี ที่เขาต้องจับตัดผมสั้นแต่งตัวให้ดูเป็นผู้ชาย เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดสายตาจากมนุษย์โลกเพศชายในวันที่ไม่มีเพศหญิงหลงเหลือบนโลกอีกต่อไป ไมว่าสองพ่อลูกจะเดินไปแห่งหนใด ก็ต้องพบกับความโกลาหล แทบจะทุกย่างก้าว เมื่อโลกตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สองพ่อลูกมีเพียงกันและกันเท่านั้นที่จะพึ่งพาและเชื่อใจกันได้, นอกจาก เคซีย์ อัฟเฟล็ก จะรับหน้าที่ผู้กำกับแล้วเขายังพ่วงหน้าที่แสดงนำ และเขียนบทภาพยนตร์เองด้วย เรียกว่านี่คือหนังที่แสดงถึงความสามารถของนักแสดงมากฝีมือวัย 44 ปี ผู้นี้ เคซีย์ ให้คำจำกัดความหนัง Light Of My Life ว่า "นี่คือเรื่องราวระหว่างพ่อกับลูกสาว เรื่องราวหลังเหตุการณ์โรคระบาดคร่าวชีวิตมนุษย์ เรื่องราวของมนุษยชาติที่ต้องต่อสู้กับธรรมชาติ เรื่องราวของเด็กที่กำลังข้ามพ้นวัย และมีกลิ่นอายของเทพนิยาย แต่ทั้งหมดนั้นก็อยู่ภายใต้ใจความหลักคือ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก"


จากนี้เป็นบทสัมภาษณ์ของเคซีย์ อัฟเฟล็ก ในช่วงที่เดินสายโปรโมต Light Of My Life


เคซีย์ คุณได้เตรียมพร้อมตัวเองอย่างไรบ้างสำหรับบทนี้ ทั้งในเรื่องร่างกายและจิตใจ

        ที่เห็นได้ชัดเลยคือผมต้องไว้เคราล่วงหน้าที่ยาวมาก ผมเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาล่วงหน้าหลายปีแล้ว ตั้งแต่ผมเริ่มต้นเขียนบทเรื่องนี้ เรื่องราวทั้งหมดมันหลั่งไหลอยู่ในหัวผมนี่ล่ะ ผมรู้เรื่องราวมันอย่างละเอียดมากทั้งมุมมองจากภายนอกและภายใน นั่นทำให้ผมสามารถตอบได้ทุกคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

เล่าที่ไปที่มาหน่อยซิ คุณมาเขียนบทหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร

        มันเริ่มมาเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนที่ผมเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกชายทั้ง 2 ฟัง นิทานพวกนี้ผมแต่งขึ้นมาเอง แล้วก็ผมก็จดบันทึกเรื่องราวได้พร้อมกับบทสนทนาของผมกับลูกๆ รวมไปถึงเรื่องราวที่ผมได้คุยกับพ่อแม่คนอื่นๆ ด้วย ก็บ่อยครั้งเหมือนกันนะ ที่ผมตีความเรื่องราวในนิทานนี้ออกมาเป็นฉากๆ แต่มันยังไม่ได้สานต่อกันเป็นเรื่องราว ตอนนั้นผมเริ่มคิดล่ะว่าถ้าผมใส่บทสนทนาลงไปด้วยมันจะน่าสนใจมากขึ้นนะ  ผมก็เริ่มเอาแต่ละฉากมาสานต่อกันให้มันเข้าใจง่ายขึ้น แล้วผมก็เริ่มเขียนต่อไปในแนวทางนี้ พอเรื่องราวมันสานต่อกัน ผมก็เริ่มสัมผัสได้ว่ามันมี ความผูกพัน อยู่ในเรื่องนี้ จากนั้นผมก็เริ่มสร้างเนื้อหาให้กับเรื่องราแต่ละฉากนี้ จนมาถึงจุดที่ยากที่สุดนั่นคือผมจะทำยังไงให้เรื่องนี้มันน่าสนใจพอที่ผู้ชมจะนั่งดูหนังเรื่องนี้ได้จนจบ

อะไรคือแรงบันดาลใจให้กำหนดเรื่องราวของ Light Of My Life ว่าเกิดในช่วงหลังหลังหายนะโลก และหลังโรคระบาดระดับโลก

        ผมชอบหนังพวก post-apocalyptic (โลกหลังหายนะ หรือจุดสิ้นสุดอารยธรรมมนุษย์) หนังที่ผมชอบมากตอนเด็กคือ The Road Warrior ผมดูเกิน 100 รอบได้ ผมว่าผมชอบดูหนังอะไรประเภทเนี้ย ที่ได้เห็นโลกมนุษย์ล่มไปต่อหน้าต่อตา แต่ผู้คนก็ยังต้องเดินหน้าใช้ชีวิตกันต่อไป อีกจุดหนึ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าดึงดูดสำหรับหนังประเภทนี้ก็คือการที่สังคมมนุษย์ถูกพัดหายไป แล้วเราก็ได้เห็นแก่นแท้จริงๆ ของมนุษย์ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้นั้น ได้เห็นตัวตนจริงๆ ของแต่ละคน ได้เห็นจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิตในวันที่ไม่มีโครงสร้างสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่คือประเด็นที่ผมชอบในหนังพวกนี้ อย่างเช่น World War Z, The Road Warrior, Children of Men และ I Am Legend

 

เคซีย์ อัฟเฟล็ก และซัมเมอร์ ฟินิกซ์ ภรรยาของเขา (น้องสาวของวาคีน ฟินิกซ์)
และลูกชายทั้ง 2 หย่ากันไปเมื่อปี 2017


การที่ได้เป็นพ่อคนจริงๆ มันมีส่วนช่วยในการรับบทพ่อไหม

         ใช่ครับ ผมเขียนเรื่องนี้ตอนที่ผมมีลูกแล้ว เพื่อเล่าความรู้สึกของการเป็นพ่อแม่คนในวันที่โลกทั้งใบกลายเป็นสถานที่อันตราย ผมยกตัวอย่างของหน้าที่พ่ออย่างหนึ่ง ก่อนเข้านอนผมจะต้องล้วงกระเป๋าเอาของในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกงทิ้ง มันจะมีของอย่างเช่น ตะขอ, ลูกแก้ว, เข็มหมุด ซึ่งตลอดทั้งวันผมจะเก็บของพวกเนี้ยจากพื้น จากพรม จากโซฟา เพื่อกันไม่ให้ลูกๆ หยิบมันเข้าปาก ซึ่งบางทีก็ผมก็เก็บมันมาโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พอตกค่ำผมก็งง มีตะขอ 12 อันมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อผมได้ไง มันเป็นสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อไปโดยปริยาย ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจจะเป็นอันตรายต่อลูกเรา สิ่งไหนที่เขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ เราก็ต้องทำหน้าที่นั่น และเนี่ยแหละใจความสำคัญของเรื่องนี้

พอจะอธิบายได้ไหมว่าหนังเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงคุณไปอย่างไรบ้าง

         ผมเขียนบทเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ฉะนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้มาก การผ่านพ้นมันมาได้เหมือนกับการได้กินยาถ่ายเลยล่ะ ผมเป็นทั้งนักแสดงและผู้กำกับ ก็เลยต้องให้ความสำคัญทั้งกับบทบาทการแสดงและตัวหนัง 2 สิ่งนี้ฝังอยู่ในหัวใจและจิตใจเลยล่ะ ผมใช้เวลากับหนังเรื่องนี้ผ่านไปแต่ละสัปดาห์ หมดไปกับการเขียนบท ขั้นตอนเตรียมการสร้างและทำให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ผมทุ่มเทกับมันมาก แล้วพอมันสำเร็จเสร็จสิ้น ผมก็แค่ปล่อยมันดำเนินขั้นตอนของมันไป ส่วนผมก็เริ่มต้นกับงานชิ้นต่อไป


แอนนา พิโนวสกี้ นักแสดงหญิงวัย 11 ขวบ ที่มีผลงานแสดงหนังทีวีมา 2
เรื่องและทีวีซีรีส์อีก 1 มารับบทเป็น "แร็ก" ลูกสาวของเคซีย์ อัฟเฟล็ก เป็นบทที่ได้รับเสียงชื่นชมมาก
ถึงฝีไม้ลายมือการแสดงที่เก่งเกินตัว ทำให้เกิดคำถามข้อต่อไป


ทำไมคุณถึงเลือกแอนนามารับบทนำ เธอมีอะไรที่เตะตาคุณ

       เธอมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจมาก การได้จ้องมองไปที่เธอ ทำให้ผมอยากรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ พอเธอมีแรงดึงดูดนี้แล้ว เมื่อเธอมีบทพูดบนจอ เธอก็จะดึงดูดความสนใจจากคุณได้ ตรงเนี้ยล่ะคือทั้งหมดที่ผมอยากได้ เธอเป็นนักแสดงที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้ เพราะเธอดูน่าสนใจขณะเดียวกันก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ถึงแม้ผมจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าเธอจะทำอะไรเพราะผมเป็นคนเขียนบท

พอถึงตอนที่เราได้ทำงานด้วยกัน ผมก็รู้สึกว่าแอนนาปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดีมาก เธอสามารถแสดงออกในแบบที่สัญชาตญาณเธอบอกได้ หรือเธอจะแสดงในแบบที่แตกต่างกันไปเลยก็ได้อีก แค่ในฉากเดียวเนี่ยเธอสามารถแสดงได้ในหลายๆ แบบที่แตกต่างกัน แล้วพ่อแม่เธอก็ดีมากสนับสนุนเธออย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่มาก้าวก่ายในการถ่ายทำนะ พ่อแม่แอนนาจะไม่มีการบอกให้เธอทำอย่างนั้นอย่างนี้สิ ส่วนสำคัญที่สุดคือเธอมีการแสดงออกที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก ตรงเนี้ยล่ะที่ผมให้ความสำคัญมากสุด เพราะเธอจะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลไปกับชะตากรรมของเธอได้ เวลาที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย



ในเรื่องนี้คุณควบตำแหน่งเขียนบทภาพยนตร์,ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้กำกับและนักแสดงนำ พร้อมกับทีมงานอีก 124 คน คนบริหารจัดการทั้งหมดนี้ได้อย่างไร

        ผมโชคดีมากที่ได้รับความช่วยเหลือย่างมากในระหว่างถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ลูกๆ ผมก็อยู่กับแม่ไป ซึ่งมันดีกับการทำงานของผมมาก พวกเค้าก็มาเยี่ยมผมที่กองถ่ายเป็นครั้งคราว แต่เด็กๆ ก็ยังต้องไปโรงเรียน ซึ่งก็มีแม่เค้าคอยเป็นธุระรับส่ง เพราะผมต้องให้ความสำคัญกับกองถ่ายอย่างมาก ในฐานะนักแสดงผมก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับบทบาทที่จะแสดง ก็เป็นเรื่องดีที่ผมมีผู้ช่วยผู้กำกับที่สุดยอดมาก แล้วก็ยังมีผู้กำกับภาพที่เก่งอีกเช่นกัน ประโยคที่ผมพูดอยู่ประจำว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเดินหน้าไปได้ก็ต่อเมื่อเราร่วมด้วยช่วยกัน" มันเป็นคำพูดที่ถูกต้องที่สุด"



        เราได้ชมผลงานการแสดงของ เคซีย์ อัฟเฟล็ก กันมายาวนานแล้ว จนมาถึง Light Of My Life ผลงานล่าสุดและเป็นก้าวสำคัญของเขา เพราะนี่คือผลงานเรื่องแรกที่เขาได้ประเดิมงานกำกับและเขียนบท แล้วหนังก็ได้รับเสียงตอบรับดีทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม หนังได้การันตีมะเขือเทศสดจากเว็บไซต์ Rottentomatoes เสียด้วย พบกับ Light Of My Life คือพ่อ...คือลูก ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์