10 อันดับหนังฮิตของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงที่สุด
นับเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหญิงที่มีผลงานออกมาให้ชมกันบ่อยในช่วงหลายปีมานี้ทั้งงานคุณภาพเน้นรางวัลและหนังแฟรนไชส์สุดฮิตและวันนี้เราลองมาดูกันว่าผลงานของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์ (Silver Linings Playbook) และยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีก 3 ครั้ง (Joy, American Hustle, Winter’s Bone) ที่ประสบความสำเร็จกับการทำรายได้ทั่วโลกสูงที่สุด 10 อันดับมีเรื่องอะไรกันบ้าง และเรื่องไหนบ้างที่เป็นเรื่องโปรดของคุณ
1. The Hunger Games: Catching Fire (2013) รายได้รวมทั่วโลก $865 ล้าน
ภาคที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดของแฟรนไชส์ Hunger Games เรื่องราวของเกมล่าชีวิตที่จะลุกเป็นไฟ เมื่อ แคทนิส และ พีตา เดินทางกลับสู่เขต 12 ในฐานะผู้ชนะเกมล่าชีวิตครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีสโนว์ ที่พบว่าถูกกลุ่มคนเล็ก ๆ ท้าทายอำนาจ ตัดสินใจที่จะจัดเกมล่าชีวิตครั้งที่ 75 ด้วยการนำอดีตผู้ชนะจากทั้ง 12 เขตมาต่อสู้กัน เพื่อหาผู้รอดเพียงคนเดียว ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ก็การเป็นชนวนสำคัญ ที่จะเปลี่ยนรัฐทุกสิ่งทุกอย่างไปตลอดกาล
2. The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 (2014) รายได้รวมทั่วโลก $755 ล้าน
สงครามม็อกกิ้งเจย์ เมื่อ แคทนิส ในฐานะของ "ม็อกกิ้งเจย์" ผนึกกำลัง "เกล" และ "ฟินนิค" นำทีมเหล่านักรบกบฎจากเขต 13 จุดประกายไฟสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเผชิญหน้ากับ "ประธานาธิบดีสโนว์" เพื่อนำพาสันติสุขที่แท้จริงกลับคืนสู่พาเน็ม พร้อมกับช่วยเหลือ "พีต้า" คนรักของเธอให้รอดพ้นจากการควบคุมของแคปิตอล โดยนี่นับเป็นภาคที่มีเนื้อหาเข้มข้นและฉากแอคชั่นที่น่าจดจำเพื่อปูทางไปสู่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
3. X-Men: Days of Future Past (2014) รายได้รวมทั่วโลก $747 ล้าน
ภาคที่ถูกยกว่ายอดเยี่ยมที่สุดกับการรวมตัวต่อสู้กับสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าเอ็กซ์เม็นกับการนำเหล่าตัวละครโปรดจากไตรภาค "X-Men" ต้นฉบับ กลับมาผนึกกำลังร่วมกับตัวเองในอดีตจาก "X-Men: First Class" ในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่ต้องเปลี่ยนแปลงอดีตเพื่อรักษาอนาคตของเราไว้ ภายใต้การกำกับฝีมือ ไบรอัน ซิงเกอร์
4. The Hunger Games (2012) รายได้รวมทั่วโลก $694 ล้าน
ปฐมบทของหนังแฟรนไชส์เกมล่าเกมที่กำกับโดย แกรี รอสส์ ซึ่งอิงจากนิยายเนื้อเรื่องเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย ซูซาน คอลลินส์ เรื่องราวในโลกอนาคตที่สงครามทำให้โลกกลายเป็นยุคมืดอีกครั้ง ทั้ง 12 เขตตกอยู่ภายใต้การปกครองของ "แคปิตอล" ที่กำหนดให้ทั้ง 12 เขตจะต้องส่งเด็กผู้หญิงหนึ่งและเด็กผู้ชายหนึ่ง เข้าร่วมการแข่งขันที่มีชื่อว่า Hunger Games ที่มีกฏง่ายๆคือให้ผู้ร่วมแข่งขันต้องต่อสู้กันต่อหน้าทีวีจนเหลือผู้รอดเพียงคนเดียว! กระทั่งการแข่งขันปีล่าสุด เมื่อน้องสาวของ แคตนิส เอเวอร์ดีน (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) จากเขต 12 กลายเป็นผู้โชคร้ายคนล่าสุด เธอไม่มีทางเลือกนอกจากเสนอตัวเองแทน และต้องเดินทางไปเข้าร่วมเกมกับ พีตา เมลลาร์ก (รับบทโดย จอช ฮัทเชอร์สัน) ตัวแทนจากเขตอีกคน จนนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการจ่อสู้อันดุเดือดและเรื่องราวความรัก มิตรภาพและความหวังที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้อีกครั้ง
5. The Hunger Games: Mockingjay - Part 2 (2015) รายได้รวมทั่วโลก $653 ล้าน
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ แคทนิส เอเวอร์ดีน กับหนังแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จของ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ แคทนิส ร่วมมือกับเขต 13 และรับข้อเสนอของประธานาธิบดีคอยน์ (รับบทโดย จูลีแอนน์ มัวร์) ที่จะรับหน้าที่ "ม็อกกิ้งเจย์" สัญลักษณ์และความหวังและผู้นำในการเคลื่อนไหวครั้งนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีสโนว์ประกาศกร้าวที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกลุ่มกบฏอีกต่อไปและพร้อมที่จะตอบโต้แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟัน พวกเขาก็เช่นกันที่พร้อมจะต่อสู้ชนิดที่หากต้องมอดไหม้ อีกฝ่ายก็ต้องมอดไหม้ไปด้วย!
6. X-Men: Apocalypse (2016) รายได้รวมทั่วโลก $543 ล้าน
ผู้กำกับไบรอัน ซิงเกอร์ จากหนังเอ็กซ์เม็นไตรภาคแรก นำผู้ชมไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่โตขึ้นอีกระดับในภาคนี้ เมื่อเหล่าเอ็กซ์เม็นจะต้องมาปะทะกับมนุษย์กลายพันธุ์ยุคเก่าแก่ผู้ทรงพลังอำนาจ อะพอคคาลิปส์ ใน ปี 1983 อะพอคคาลิปส์ผู้เป็นอมตะไร้เทียมทานได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระหลังจากถูกฝังไว้ในสุสานนานหลายพันปี ด้วยความโกรธแค้นที่เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ไม่ได้รับการปฏิบัติดังเช่นเทพเจ้าอีกต่อไป อะพอคคาลิปส์จึงได้รวมทีมมนุษย์กลายพันธุ์ผู้ทรงพลัง รวมถึงแม็กนีโต้ซึ่งอยู่ในสภาพท้อแท้สับสน เพื่อมาทำลายมนุษยชาติและสร้างระเบียบโลกขึ้นมาใหม่โดยตัวเขาเองเป็นผู้ปกครอง เพื่อหยุดยั้งการทำลายล้างโลกของอะพอคคาลิปส์ เรเวน (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) และศาสตราจารย์เอ็กซ์ (รับบทโดย เจมส์ แม็คอะวอย) จึงนำทีมเอ็กซ์เม็นรุ่นหนุ่มสาวในการประจันหน้าครั้งยิ่งใหญ่กับศัตรูซึ่งยากจะต้านทานได้
7. X-Men: First Class (2011) รายได้รวมทั่วโลก $353 ล้าน
ผู้กำกับ แมทธิว วอห์น พาผู้ชมเข้าสู่โลกของมนุษย์กลายพันธุ์กับการย้อนไปสู่จุดเริ่มตันของความขัดแย้งทั้งหมดระหว่างมนุษย์กลายพันธุ์ (มิวแทนท์) และมนุษย์ธรรมดา โดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ รับบทเป็นตัวละคร ‘เรเวน’ หรือในอีกชื่อว่า ‘มิสทีก’ กับเรื่องราวของ ชาร์ลส์ เซเวียร์ (หรือศาสตราจารย์เอ็กซ์) และ เอริก เลนเชอร์ (แม็กนีโต้) สองมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีจุดยืนต่างกัน หลังออกฉาย First Class ได้รับเสียงชื่นชมไปมากมายและกลายเป็นหนังเอ็กซ์เม็นอีกหนึ่งภาคที่แฟนๆให้การต้อนรับดีที่สุด
8. Passengers (2016) รายได้รวมทั่วโลก $303 ล้าน
ผลงานไซไฟ ดราม่า ที่มาพร้อมงานสร้างอันน่าตื่นตา เรื่องราวของยานอวกาศ Avalon ที่มีภารกิจในการนำผู้โดยสารจำนวน 5,000 ชีวิตจากโลกไปสู่ดาวอาณานิคมใหม่สุดหรูที่มีชื่อว่า Homestead II โดยใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 120 ปี แต่ จิม (รับบทโดย คริส แพรตต์) ช่างวิศวกรรมกลับพบว่าตัวเขาตื่นขึ้นมาบนยานลำนี้ขณะเดินทางก่อนกำหนดถึงที่หมาย 90 ปี ต่อมา จิมได้พบกับ ออโรร่า (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) หญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาอีกคนบนยานแห่งนี้ ทั้งคู่ค่อยๆสานสัมพันธ์กัน ท่ามกลางการค้นหาคำตอบของปริศนาทั้งหมดถึงเหตุที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ตื่นขึ้นมาในตอนนี้ พร้อมหาทางรักษาชีวิตให้อยู่รอดจนถึงปลายทาง ซึ่งทั้งสองยังคงไม่รู้ชะตากรรมของตนเองว่ามีหายนะครั้งรุนแรงกำลังใกล้เข้ามา
9. American Hustle (2013) รายได้รวมทั่วโลก $251 ล้าน
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ หวนมาร่วมงานกับผู้กำกับ เดวิด โอ. รัสเซลล์ อีกครั้งกับหนังที่สร้างจากเรื่องจริงทีเกิดขึ้นในยุค 80 เรื่องราวของนักต้มตุ๋นอัจฉริยะ ไอร์วิ่ง โรเซนเฟล์ด (รับบทโดย คริสเตียน เบล) ที่ต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ FBI ริชชี ดีมาโซ (รับบทโดย แบรดลีย์ คูเปอร์) เพื่อเปิดโปงและกำจัดการคอรัปชั่นให้หมดไปในปฏิบัติการที่มีชื่อว่า 'ABSCAM' ซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องเข้าไปพัวพันกับโลกมืด ทั้งมาเฟีย การพนัน เหล่านักการเมืองที่ชั่วร้าย และแผนลับแผนลวงที่สุดเหลือเชื่อ
10. Silver Linings Playbook (2012) รายได้รวมทั่วโลก $236 ล้าน
ผลงานที่ส่งให้ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ คว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ หนังกำกับโดย เดวิด โอ. รัสเซลล์ ที่นำเสนอมุมมองของมนุษย์ที่ว่า "ชีวิตมักไม่เป็นไปตามแผน" กับเรื่องราวของ แพท (รับบทโดย แบรดลีย์ คูเปอร์) ชายผู้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งบ้าน, งาน และภรรยา ภายหลังใช้เวลาแปดเดือนในโรงพยาบาลจิตเวช เขาต้องกลับมาอาศัยอยู่กับแม่ (รับบทโดย แจ็คกี้ วีฟเวอร์) และพ่อ (รับบทโดย โรเบิร์ต เดอนิโร) โดยหวังจะเริ่มชีวิตใหม่ ด้วยการไปขอคืนดีกับภรรยา ทว่าพ่อกับแม่อยากให้เขาปลดเปลื้องภาระทางใจทิ้งให้หมด และใช้เวลากับทีมอเมริกันฟุตบอลสุดโปรดของครอบครัว แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มยุ่ง เมื่อแพทได้พบ ทิฟฟานี (รับบทโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) หญิงสาวลึกลับมากปัญหา ผู้อาสามาเป็นแม่สื่อให้เขาได้ปรับความเข้าใจกับภรรยา โดยแลกกับการที่แพทต้องช่วยเหลือเธอบางอย่างเช่นกันและมันนำไปสู่ความรู้สึกดีๆที่พลักดันชีวิตของทั้งคู่ไปสู่จุดที่สามารถยิ้มให้กับชีวิตได้ ท่ามกลางเรื่องแย่ๆ
และพบกับบทบาทความท้าทายครั้งล่าสุดของนักแสดงสาว เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ กับผลงานระทึกลึกลับฝีมือการกำกับของผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ดาร์เรน อโรนอฟสกี้ (Black Swan, Requiem for a Dream) ใน “Mother!” ซึ่งนอกจาสาว ลอว์เรนซ์ แล้ว หนังยังได้ นักแสดงชายเจ้าของรางวัลออสการ์ ฮาเวียร์ บาร์เด็ม (No Country For Old Men), นักแสดงชายผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ เอ็ด แฮร์ริส (The Truman Show) และนักแสดงหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ (The Fabulous Baker Boys) มาร่วมประชันบทบาทสุดเข้มข้นอีกด้วย
เรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนที่บ้านของพวกเขา พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้คืออะไรกันแน่ วันนี้ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างซับไทย