เรื่องจริงจากหนัง All The Money In The World

Movie News26 กุมภาพันธ์ 2561

            จากคดีดังเมื่อปี 1973 จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ เหตุจากที่เขาเป็นทายาทของ จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกในยุคนั้น เขาร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมัน เก็ตตี้ ออยล์ แต่เป็นคนที่ขี้เหนียวสุด ๆ จึงปฏิเสธที่จะค่าไถ่ให้กับโจร เรื่องราวช็อคโลกนี้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วยฝีมือของยอดผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ ได้รับเสียงตอบรับดีมาก หนังคว้ารางวัลมาแล้วหลายเวที โดยเฉพาะบทบาทการแสดงของ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ในบท จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ที่ได้เข้าชิงออสการ์นักแสดงสมทบชาย และ มิเชลล์ วิลเลียมส์ ในบทเกล แฮร์ริส แม่ของจอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 เหยื่อที่ถูกจับไปเรียกค่าไถ่ ที่คว้ารางวัลจากบทนี้มาหลายเวที เรื่องราวเรียกค่าไถ่ระทึกขวัญนี้ยังจะถูกนำไปสร้างเป็นทีวีซีรีส์ 10 ตอนจบในชื่อ "trust" กำกับโดย แดนนี่ บอยล์ แพร่ภาพทางช่อง FX แต่ยังไม่มีกำหนดฉาย

ส่วนหนัง All The Money In The World เข้าฉายในบ้านเราแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. หลายท่านน่าจะได้ชมกันแล้ว ลองมาอ่านเรื่องราวความจริงเปรียบเทียบกับเรื่องราวบนจอว่ามีส่วนไหนเหมือนหรือถูกดัดแปลงให้ต่างกันไปบ้าง

 

จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์


            จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำมัน เก็ตตี้ ออยล์ รวยขนาดที่ว่า นิตยสาร ฟอร์บ ประเมินว่าเขาเป็นบุรุษที่รวยที่สุดในโลกในปี 1957 ธุรกิจเขารุ่งเรืองอย่างมากในช่วง 3 ทศวรรษ 40s 50s และ 60s แต่ภายใต้ความร่ำรวยของเขา จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ก็เป็นที่รู้กันดีในแง่ที่เป็นคนขี้ตืดอย่างน่าเกลียด ถึงขั้นไม่อยากให้แขกที่มาเยี่ยมบ้านใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในบ้านของเขา เลยเอาตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญมาตั้งไว้ในบ้านให้แขกจ่ายเงินเอง และแน่นอนความขี้เหนียวในระดับนี้ ย่อมส่งผลให้มีปัญหาภายในครอบครัวตามมาตลอดชีวิตเขา

 

สำนักงานใหญ่ เก็ตตี้ ออยล์


               จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ แต่งงานมาแล้วถึง 5 ครั้ง มีลูกชาย 5 คน แต่ในหนังจะพูดถึงเพียง จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 2 หรือ จอห์น พอล จูเนียร์ ซึ่งถูกพ่อไล่ออกจากบ้านให้ไปเผชิญชีวิตด้วยตัวเอง เขาต้องทำงานเป็นเด็กปั๊ม ได้ค่าจ้างเดือนละ 100 เหรียญ และไปเป็นทหารถูกส่งไปรบในเกาหลีมาแล้ว , จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 2 แต่งงานกับ เกล แฮร์ริส นักกีฬาโปโลน้ำ ทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 4 คน เขาได้กลับไปทำงานกับพ่อ และถูกส่งไปคุม เก็ตตี้ ออยล์ สาขาที่โรม อิตาลี ซึ่งเขาพา พอล หรือ จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 ลูกชายคนโนไปอยู่ที่อิตาลีด้วยกัน ที่นั่น จอห์น พอล จูเนียร์ ได้พบรักกับ ทาลิธา พอล นางแบบและดาราชาวเนเธอร์แลนด์ เป็นเหตุให้เขาหย่าขาดกับ เกล แฮร์ริส   แต่แล้ว ทาลิธา เมียใหม่ก็ติดยาอย่างหนักและเสพยาเกินขนาดจนตายในปี 1971 หลังทาลิธาตาย จอห์น พอล จูเนียร์ จึงย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ และเข้ารับการรักษาอาการติดยาในปี 1984 เขาบริจาคเงินเพื่อการกุศลมากมาย จนได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอังกฤษ และได้รับยศเป็นท่านเซอร์ ,เขาแต่งงานครั้งที่ 3 กับ วิคตอเรีย โฮลด์สเวิร์ธ , จอห์น พอล จูเนียร์ เสียชีวิตในปี 2003 ด้วยโรดติดเชื้อในช่องอก ด้วยวัย 70 ปี

 

จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 2


          ย้อนหลังกลับไปนิดขณะที่ จอห์น พอล จูเนียร์ ผู้พ่อย้ายมาอยู่อังกฤษ จอห์น พอล เก็ตตี้ที่ 3 ในวัย 16 ยังคงใช้ชีวิตสนุกสนานในอิตาลีต่อไป ด้วยความที่ใช้ชีวิตเสเพล บ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มหาตังค์ด้วยวิธีพิเรนท์ กุเรื่องว่าเขาโดนลักพาตัวเรียกค่าไถ่ แล้วให้คุณปู่โอนเงินมาให้ แต่ในครั้งนี้ที่เขาโดนลักพาตัวเข้าจริง ๆ เขาโดนแก๊งโจรจับตัวในคืนวันที่ 10 กรกฎาคม 1973 ขณะเดินกลับบ้านหลังจากเที่ยวเตร่กับแก๊งเพื่อน พอล ถูกลากตัวขึ้นรถตู้ แล้วขับลงใต้ไปอีก 300 ไมล์ เขาโดนขังตัวไว้ในแถบเทือกเขาคาลิเบรีย สองวันหลังโดนจับโจรโทรหา เกล แม่ของเขา เรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 17 ล้านเหรียญ แม้จะโดนจับไปจริง แต่ตำรวจและครอบครัวเก็ตตี้ เมื่อได้ยินข่าวต่างก็ตั้งข้อสงสัยว่า พอลโดนจับไปจริงหรือว่าเป็นเพียงเกมหลอกหาเงินอีกครั้ง ระหว่างที่ตั้งข้อสงสัย โจรก็ส่งจดหมายด้วยลายมือ พอล มาถึงเกล "ถึงแม่ที่รัก ผมโดนจับตัวมาเรียกค่าไถ่มาตั้งแต่วันจันทร์ แม่อย่าปล่อยให้ผมโดนฆ่านะครับ" เมื่อสถานการณ์จวนตัว เกล ไม่มีเงินพอจ่ายค่าไถ่ คนเดียวที่พอจะจ่ายได้ก็คือคุณปู่ จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าคุณปู่จอมขี้ตืดจะปฏิเสธการจ่ายเงินค่าไถ่อย่างไม่ใยดี "ฉันยังมีหลานอีกตั้ง 14 คนนะ ถ้าฉันจ่ายให้รายนี้ไป อีก 14 ก็คงโดนจับไปเรียกค่าไถ่อีกแหง" การปฏิเสธในการจ่ายค่าไถ่เพื่อช่วยหลานตัวเองจากคนที่รวยที่สุดในโลก กลายเป็นที่สนใจจากสื่อทั่วโลก และเป็นข่าวดังในวันนั้น

 

สภาพของ จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่3 หลังโดนตัดใบหู


            ตามจริงแล้ว เกล ไม่ได้รับอนุญาตให้เจรจาต่อรองกับ จอห์น พอล เก็ตตี้ ซีเนียร์ เพราะพ่อสามีมหาเศรษฐีปฏิเสธที่จะเจรจากับอดีตลูกสะใภ้คนนี้ เขาจึงส่ง เฟลตเชอร์ เชส อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ให้รับหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเขากับเกล และยังมอบหมายหน้าที่ให้หาวิธีช่วยหลานชายแบบไม่ต้องจ่ายค่าไถ่สักแดง เฟลตเชอร์ ตัวจริง ไม่ได้เท่หรือเก่งอย่างที่เราเห็นในมาดของมาร์ค วาห์ลเบิร์ก ในหนัง เฟลตเชอร์ ตัวจริงนั้นทำผิดแผนด้วยสาเหตุไม่ที่เข้าท่าอยู่บ่อยครั้ง  เฟลตเชอร์ บินไปถึงโรม 5 สัปดาห์หลังจากพอล ถูกลักพาตัวไป เขาไปหลับนอนกับหญิงสาวรายหนื่ง ซึ่งเธอพยายามโน้มน้าวเขาว่าแท้จริงแล้วพอล กุเรื่องว่าถูกจับ แต่ภายหลังตำรวจก็สืบรู้ว่าเธอผู้นี้ถูกจ้างมาเพื่อหลับนอนกับเฟลตเชอร์เพื่อหลอกให้เขาไขว้เขว

 

เกล แฮร์ริส และ จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 หลังเข้าให้ปากคำตำรวจเกี่ยวกับคดี หลังได้รับการช่วยเหลือ


           เกลพยายามทั้งต่อรองและหาเงินมาจ่ายค่าไถ่ จนเวลายืดเยื้อไปถึง 4 เดือน ฝั่งโจรจึงคิดว่าต้องใช้ไม้แข็งมาเร่งให้ครอบครัวเก็ตตี้ดำเนินการ หูของพอล โดนตัด แก๊งโจรส่งใบหูมาพร้อมผมกระจุกหนึ่งมาทางไปรษณีย์ถึงบริษัทหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งในอิตาลี ในนั้นมีจดหมายแนบมาด้วยใจความว่า "นี่คือหูของ พอล ถ้าเรายังคงไม่ได้รับเงินภายใน 10 วัน เราจะตัดหูอีกข้างหนึ่ง และชิ้นส่วนอื่น ๆ จะทยอยตามมา" รอบนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และทำให้คุณปู่ยอมพิจารณาเรื่องการจ่ายค่าไถ่อย่างจริงจัง แม้การเจรจาต่อรองจำนวนเงินค่าไถ่ จะลดลงมาที่ 3.2 ล้านเหรียญ แต่คุณปู่ก็คิดคำนวณสรตะแล้วก็ยอมควักกระเป๋าออกมาให้ 2.2 ล้านเหรียญ เพราะนั่นคือจำนวนเงินสูงสุดที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ ร้อนถึง จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 2 ผู้พ่อต้องขอยืมเงินพ่อตัวเองอีก 7 แสนเหรียญ ซึ่งคุณปู่ก็คิดดอกเบี้ยจากลูกชายร้อยละ 4 อีกด้วย รวมแล้วเป็นเงิน 2.9 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขค่าไถ่ล่าสุดที่ตำรวจต่อรองมาได้ หลังยอมจ่ายค่าไถ่ พอล ก็ถูกปล่อยตัวไว้ที่ปั๊มน้ำมันร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง  ตำรวจตามจับผู้ต้องสงสัยได้ 9 ราย มีเพียง 2 รายที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ส่วนเงินค่าไถ่ไม่สามารถตามร่องรอยคืนได้ แม้ว่าก่อนเกิดเหตุเรียกค่าไถ่สัมพันธภาพระหว่างปู่กะหลานจะรักใคร่กันดี แต่หลังเหตุการณ์นี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่กลับมาสู่สถานะเดิม เริ่มจากที่คุณปู่เก็ตตี้ปฏิเสธที่จะรับโทรศัพท์หลานชายที่โทรมาจากอิตาลีหลังจากถูกช่วยเหลือได้แล้ว , จอห์น พอล เก็ตตี้ คนปู่เสียชีวิตในปี 1976 เขาทำพินัยกรรมมอบเงินให้ลูกชาย 500 เหรียญ และไม่ให้หลานชายสุดที่รักสักเหรียญเดียว

 

จอห์น พอล เก็ตตี้ ที่ 3 ในบั้นปลายที่ป่วยเป็นอัมพาต


         2 ปีผ่านไป พอล ในวัย 18 ปี ก็แต่งงานกับ กิเซลา ซาเชอร์ ช่างภาพชาวเยอรมันซึ่งอายุมากกว่าเขาถึง 6 ปี ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน แอนนา และ บัลธาซาร์ เก็ตตี้ ปี 1981 เก็ตตี้ที่ 3 ตัดสินใจกลับไปเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็เรียนอยู่ได้แค่เทอมเดียว เขาก็กลายเป็นอัมพาตเหตุจากการเสพยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน เขาต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา เกล ต้องรับภาระในการดูแลลูกชายจนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 2011 ด้วยวัย 54 ปี

 

ตัวอย่างซับไทย