ป๋าเขาไม่ธรรมดานะครับ รู้จักกับ ร็อบ โคเฮ็น ผู้กำกับ Hurricane Heist
ผู้กำกับอเมริกันวัย 69 ปี ที่เคยมียุครุ่งเรืองสุดของเขาในช่วงต้นยุค 2000 ซึ่งผู้กำกับฮอลลีวู้ดน้อยรายที่จะยังมีผลงานกำกับมาได้ต่อเนื่องถึงวันนี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นต่างล้มหายตายจากไปหมด เพราะสตูดิโอฮอลลีวู้ด เลือกที่จะเสี่ยงกับการจ้างผู้กำกับหน้าใหม่มาทำหนังทุนสูงเสียมากกว่า และด้วยชื่อเสียงที่สะสมมานานนี่ล่ะ ทางผู้สร้าง Hurricane Heist หนังแอ็คชั่นพลอตหลุดโลกผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของร็อบ โคเฮ็น ถึงเลือกใช้ชื่อ ร็อบ โคเฮ็น ผู้กำกับเป็นจุดขาย โดยอิงความสำเร็จจากหนังในยุครุ่งเรืองของเขาทั้ง xXx และ The Fast and the Furious เพราะดารานำอย่าง แม็กกี้ เกรซ และ โทบี้ เค็บเบล ต่างก็เป็นดาราเบอร์รองที่ยังไม่สามารถใช้ชื่อเรียกคนดูได้
ดูจากประวัติของเขา ร็อบ นี่ไม่ธรรมดานะ เพราะเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดเชียว แล้วมีความสามารถหลากหลาย เพราะเป็นได้ทั้งผู้อำนวยการสร้าง , ผู้กำกับ และเขียนบทภาพยนตร์ด้วยตัวเอง ร็อบ เริ่มงานกำกับหนังตั้งแต่ปี 1980 โดยส่วนใหญ่เป็นทีวีซีรีส์ และมาเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 1996 ที่มีผลงานฮิตถึง 2 เรื่องในปีเดียวกันคือ Daylight หนังแอ็คชั่นขายซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และ Dragon Heart หนังขายซีจีเรื่องของนักรบกับมังกรบิน แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งปี 2001 ที่เขาได้เป็นผู้ประเดิม 2 แฟรนไชส์สุดฮิตของ วิน ดีเซล The Fast and the Furious และ xXx ในปี 2002 ความสำเร็จต่อเนื่องนี้ ทำให้ชื่อของร็อบไปติดอันดับ "100อันดับผู้ทรงอิทธิพลในฮอลลีวู้ด" ที่อันดับ 95 จัดโดยนิตยสารเอ็มไพร์ในปี 2003
ร็อบ ชื่นชมกับความสำเร็จของตัวเองอยู่ได้ไม่นาน จนกระทั่งปี 2005 เขามีผลงานกำกับใหม่ Stealth เรื่องของฝูงบินล่องหน ที่หยิบเทคโนโลยีการบินไฮเทคของกองทัพสหรัฐในวันนั้นมาเล่าเป็นหนังแอ็คชั่น หนังสนุกถูกใจคอหนังบ้านเรา แต่ในอเมริกาเจ๊งเละเทะ ผลาญทุนสร้างไป 135 ล้าน แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปได้เพียง 76 ล้านเหรียญ ความล้มเหลวครั้งนี้ทำให้ ร็อบ ได้รับสัจธรรมในชีวิตการทำงาน เขาเล่าว่าในวันที่เขาประสบความสำเร็จจาก The Fast and the Furious และ xXx ทุกครั้งที่เขาเดินเข้าร้านอาหาร จะต้องโดนแฟนๆ โต๊ะนั้นโต๊ะนี้เชิญไปชนแก้ว ร่วมโต๊ะ แต่หลังจากเขาล้มเหลวกับ Stealth เวลาเขาเข้าร้านอาหารผู้คนก็มีทีท่าทำเป็นไม่เห็นเขา
หลังจาก Stealth ร็อบ ก็ไม่มีงานกำกับลากยาวไปถึง 3 ปี จนถึงปี 2008 ที่เขากลับมากับ The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor หนังปิดไตรภาคมัมมี่ในยุคของ เบรนแดน เฟรเซอร์ หนังประสบความสำเร็จล้นหลาม ทำรายได้ทั่วโลกทะลุ 400 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 145 ล้านเหรียญ ถึงแม้ร็อบจะกู้ชื่อเสียงกลับมาได้ แต่เขาก็ไม่ได้กลับมาสู่จุดที่ฮอลลีวู้ดต้องการตัวเหมือนเดิมอีกต่อไป หลัง The Mummy เขาก็ว่างเว้นจากงานกำกับยาวถึง 4 ปี ถึงได้กลับมากับ Alex Cross หนังฟอร์มเล็กที่สร้างจากนิยายขายดีที่เล่าวีรกรรมของนักสืบชื่อดังในโลกนิยาย อเล็กซ์ ครอส (เคยมีหนังอเล็กซ์ ครอส ก่อนหน้านี้ 2 เรื่อง แต่เป็นผลงานการแสดงของ มอร์แกน ฟรีแมน Kiss the Girls ปี1997,Along Came a Spider ปี2001) แต่แล้ว Alex Cross ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก ปีต่อมาร็อบได้งานกำกับอีกครั้งกับ The Boy Next Door ปี2015 หนังตื่นเต้นระทึกขวัญ ขายชื่อเจนนิเฟอร์ โลเปซ ทุนสร้างจุ๋มจิ๋มมากแค่ 4 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินไปได้ถึง 52 ล้านเหรียญ จากจุดนี้ ร็อบ ก็หายเงียบไปอีก 3 ปี เขาถึงได้กลับมาด้วยความหวังอีกครั้งในปีนี้กับ Hurricane Heist ที่ดูฟอร์มแล้วน่าจะมันส์กับการต้องลุ้นทั้งเหตุปล้นธนาคารและพิบัติพายุหมุนลูกใหญ่ เน้นขายทั้งแอ็คชั่นและงานสเปเชียลเอ็ฟเฟ็คต์ที่เป็นแนวถนัดของร็อบ โคเฮ็น เทรลเลอร์ งานซีจีดูไม่ขี้เหร่ แม้หนังจะใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 35 ล้านเหรียญ แต่ก็ดูอลังการงานสร้างเหมือนกับหนังทุนสร้างระดับ 100 ล้านเหรียญ
ปิดท้ายด้วยผลงานกำกับของ ร็อบ โคเฮ็น และรายได้จากทุกเรื่องของเขาครับ
The Boy Next Door(2015)
ทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 63 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 5
Alex Cross(2012)
ทุนสร้าง 35 ล้าน
รายได้ทั่วโลก 34 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 10
The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008)
ทุนสร้าง 145 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 401 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 3
Stealth(2005)
ทุนสร้าง 135 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 76 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 9
xXx (2002)
ทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 277 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 2
The Fast and the Furious (2001)
ทุนสร้าง 38 ล้าน
รายได้ทั่วโลก 207 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 1
The Skulls(2000)
ทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 50 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 7
Daylight (1996)
ทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 159 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 8
Dragonheart (1996)
ทุนสร้าง 63 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 115 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 4
Dragon: The Bruce Lee Story (1993)
ทุนสร้าง 14 ล้านเหรียญ
รายได้ทั่วโลก 63 ล้านเหรียญ
Boxoffice สูงสุดที่ลำดับ 6