อาฆาตแค้น
ในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นช่วงเวลาที่การก่อกวนทางการเมืองภายในประเทศเมียนมากำลังปลุกปั่นอยู่ ในปีดังกล่าวข้างต้น มีสามีภรรยา ๒ คนที่มีชื่อว่า โกโพอองกับมะแตองซึ่งเป็นชาวหมู่บ้านแตปยีนซุที่อยู่ในภาคกลางของประเทศเมียนมาให้กำเนิดฝาแฝดเด็กชาย ๒ คน แต่ในชาติที่แล้วฝาแฝด ๒ คน ที่เกิดใหม่นั้นเคยเป็นพวกคนพาล ๒คน ทูส่อกับทูหม่อ ซึ่งมีชื่อเสียงดังในการเลวร้านและเคยทำร้ายชีวิตของโกโพอองกับมะแตอง เนื่องจากเหตุนี้โกโพอองผู้เป็นพ่อพยายามฆ่าลูกแดง ๒ คนของตนแต่เพราะการขออภัยไว้ชีวิตของหลวงพ่อเด็ก ๒ คนนั้นจึงรอดชีวิตไปครั้งหนึ่ง มะแตองผู้เป็นแม่ก็ปฏิเสธให้น้ำนมกับลูกที่เคยเป็นศัตรูในชาติที่แล้ว ดังนั้นโกบะหม่องกับมะชเวมิซึ่งเป็นชาวบ้านเดียวกันต้องพาไปเลี้ยงจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเด็ก ๒ คนมีอายุระหว่าง ๖ ขวบถึง ๗ ขวบ เผชิญหน้ากับอูโพอองเกิดเหตุการณ์ใกล้จะฆ่ากันด้วยความอาฆาตที่มีมากันตั่งแต่ชาติที่แล้ว กูบะหม่องกับด่อชเวมิจึงตัดสินใจฝากเด็ก ๒ คน ให้ไปอยู่ภายใต้การดูแลหลวงพ่อโดยให้อุปสมบทเป็นสามเณร แต่เนื่องจากอาฆาตแค้นทำให้พ่อแม่กับลูกอยากทำร้ายซึ่งกันและกันเพื่อใช้หนี้เลือด หลวงพ่อจำเป็นต้องตัดสินใจให้เณร ๒ คนไปอยู่คนละที่ ตามนี้คนหนึ่งไปอยู่ถึงวัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ส่วนอีกคนหนึ่งไปอยู่ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม ต่างคนต่างรับหน้าที่ศาสนาพุทธและยังจำเหตุการณ์ร้ายของชาติที่แล้วได้เป็นระยะๆ ในประมาณปีพ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นอดีตชาติที่ทูส่อกับทูหม่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านโกงต่าและทูส่อมีภรรยาหนึ่งคนชื่อจ่าอุ จ่าอุตั้งครรภ์กับทูส่อและเป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูสามีมาก ส่วนทูส่อกับทูหม่อพี่น้อง ๒ คนขี้เหล้า ชนไก่ เป็นพวกโจรปล้นทรัพย์ แถมเป็นพวกที่กล้าฆ่าชีวิตคนอื่น หมู่บ้านใกล้ๆ กัน จึงต้องหวาดกลัวพี่น้องเขา ๒ คน ตอนนั้นในหมู่บ้านแตปยีนซุมีผู้หญิงสวยคนหนึ่งชื่อมะแตองซึ่งอาศัยอยู่เป็นแม่ลูก ๒ คน ทำงานทอผ้าเลี้ยงชีพกัน แล้วมะแตองก็หลงรักอยู่ด้วยกับโกโพอองเป็นชาวบ้านเดียวกันทำงานเป็นพ่อค้าคนกลาง วันหนึ่งในขณะที่มะแตองไปส่งผ้าทอที่เมือง ทูหม่อบังเอิญเห็นและชอบมะแตองตั้งแต่แรกพบ ส่วนมะแตองมึคู่รักอยู่แล้วแถมไม่เกลียดนิสัยสันดานของทูหม่อจึงปฏิเสธไปอย่างหมางเมิน แต่ทูหม่อไม่ลดละความพยายามและขอวอนให้พี่ชายโกทูส่อกับพี่สะใภ้มะจ่าอุนำไปสู่ ขอมะแตองแล้วข่มขู่มะแตองด้วยปืนว่ถ้าไม่ยอมแต่งงานกันก็ต้องเผชิญกับเคราะห์ร้าย ตามสถานการณ์การเมืองในสมัยนั้นเป็นช่วงที่มีความอ่อนแอในการควบคุมและปราบปรามด้วยกฏหมายในบริเวณใกล้ๆ หมู่บ้านมะแตอง โกโพอองหลอกลวงพวกกบฎที่เป็นคอมมิวนิสโดยให้ข่าวว่าทูส่อกับทูหม่อเป็นสายลับของรัฐบาล ทำให้กบฏต้องไปปราบพี่น้อง ๒ คนนั้น ระหว่างทางจับ ๒ คน นั้นไปยังค่ายกบฏทูส่อกับทูหม่อสามารถหนีไปได้เพราะความช่วยเหลือของเพื่อนพวกเดียวกัน ทูส่อกับทูหม่อคิดแค้นไปยังบ้านมะแตองจับโกโพอองมา แถมข่มขืนมะแตองด้วยซ้ำ เพราะเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้คุณแม่ของมะแตองต้องรู้สึกหัวใจสลายเสียชีวิตไป ส่วนโกโพอองก็ถูกทูส่อกับทูหม่อทรมานสภาพจะเป็นจะตายจึงหมดสติไปและถูกทิ้งลงเหวไป แต่โชคดีที่โกโพอองตายยากทำให้พวกคอมมิวนิสเห็นและช่วยชีวิตไว้ ถึงแม้โกโพอองไม่ได้เสียชีวิตแต่ต้องเป็นคนพิการขาข้างหนึ่ง กลุ่มกบฎจับมะจ่าอุเป็นตัวประกันไว้ทำให้จับทูส่อกับทูหม่อได้ในสุดท้าย แต่มะจ่าอุพยายามช่วยสามีรอดชีวิตจึงถูกยิงปืนเสียชีวิตไป พวกกบฎตัดสินคดีทูส่อกับทูหม่อต่อหน้าทุกคนและถาม ๒ คน ว่าอยากพูดอะไรก่อนตาย จึงสาบานว่าจะมาใช้หนี้เลือดกับทุกคนแล้วเสียชีวิตไป แต่เนื่องด้วยหลวงพ่อขอความเมตตา ๒ พี่น้องก็ได้สวดพระรัตนตรัยก่อนตายและด้วยบุญกรรมนั้นเองทำให้ทั้ง ๒ คน ต้องไปเกิดใหม่ในท้องของมะแตองและโกโพอองศัตรูสามีภรรยาคู่นั้น ฝาแฝด ๒ คนที่เคยโกรธแค้นพ่อแม่ด้วยอาฆาตกลับมาเป็นพระภิกษุในโลกทางศาสนาและต่างมีนามว่า พระเตซอบ่าตะ กับพระนันทอบ่าตะ ถึงแม้ยังไม่หายอาฆาตได้แต่อย่างน้อยไม่มีนิสัยเหี้ยมแล้วเพราะคำสั่งสอนทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะผู้เป็นน้องพระนันทอบ่าตะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้หวาดกลัวเวรกรรมสังสาระและตัดสินใจละทิ้งความคิดแค้นลงได้ ในขณะเดียวกันผู้เป็นพี่พระเตซอบ่าตะมีวาสนาต้องกลับมาเจอกับมะเตงกี่ผู้ที่เคยเป็นมะจ่าอุในชาติที่แล้วและรู้สึกอยากสึกพระ พอพระพี่น้อง ๒ คน ได้ยินข่าวว่าโยมพ่ออูโพอองต้องนอนพยาบาลจึงไปเยี่ยมดูพอเห็นนาทีสุดท้ายของโยมพ่อที่ยังไม่พ้นอาฆาต พระนันทอบ่าตะได้สังเวชอย่างหนักและเกรงกลัวว่าโยมแม่มะแตองก็จะไม่ปลดความ อาฆาตจะเป็นเช่นนี้อีกจึงพยายามสั่งสอนโยมแม่ให้พ้นจากอาฆาตแค้นพร้อมบอกให้พระพี่ช่วยสั่งสอนโยมแม่ พระเตซอบ่าตะซึ่งมีใจเอนเอียงไปยังโลกโลกีกำลังลังเลอยู่ระหว่างชีวิตคนกับชีวิตพระสงฆ์ในที่สุดก็ตัดสินใจร่วมมือกับตอบแทนบุญคุณที่ให้กำเนิดของโยมแม่โดยพยายามสั่งสอนให้โยมแม่ทิ้งความอาฆาตให้ได้และไปบอกมะเตงกี่ตามเหตุผลเช่นนี้ ส่วนมะเตงต้องอกหักตกค้างอยู่คนเดียว สุดท้ายเนื่องด้วยการสั่งสอนของลูกพระสงฆ์ ๒ รูป ผู้เป็นแม่ก็พ้นจากความอาฆาตได้และรับเป็นทายิกาของพระพุทธศาสนาตลอดไป