Adrift คือบทพิสูจน์รักแท้ที่กินเวลา 41 วันกลางมหาสมุทร

Movie News23 กรกฎาคม 2561

       ถ้าคุณเป็นแฟนหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญที่คอยลุ้นไปกับสถานการณ์บีบคั้นที่ตัวเอกต้องเอาชีวิตรอดท่ามกลางภัยพิบัติต่างๆ เหมือนอย่างใน "47 Meters Down" และ "The Shallows" ที่กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์หนังที่น่าสนใจช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แต่ละเรื่องตัวเอกต่างมีวิธีการเอาตัวรอดที่แตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับที่ "ทามี  โอลด์แฮม แอชคราฟต์" และ "ริชาร์ด ชาร์ป" คู่รักนักเดินเรือกำลังจะแสดงให้เห็นกันอีกครั้งใน "Adrift" ที่นอกจากเทคนิคการเอาตัวรอดอันชาญฉลาด เรายังจะได้เห็นว่าท้ายที่สุดแล้วพลังแห่ง "ความรัก" สามารถพาให้เราเอาชนะทุกอุปสรรคไปได้จริงๆ



           สถานการณ์อันตรายถึงชีวิต คือบทพิสูจน์ "รักแท้" ในชีวิตจริงได้ดีเสมอ เช่นกับเดียวกับความรักของ "ทามี  โอลด์แฮม แอชคราฟต์" และ "ริชาร์ด ชาร์ป" 2 นักเดินทางที่ล่องเรือใบจากเกาะตาฮิติไปยังชายฝั่งซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย และถูกพายุเฮอร์ริเคนระดับ 4 (มีความเร็วลมสูงถึง 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนระดับสูงสุดคือระดับ 5 มีความเร็วลมตั้งแต่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป) เล่นงานในวันที่ 23 กันยายน 1983 จนต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับซากเรือที่ถูกทำลายเป็นเวลา 41 วันกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ

ในตอนแรกเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเสมือนฝันร้ายที่ทั้งคู่ไม่อยากนึกถึง แต่เวลาผ่านไป 10 ปี ทามี เริ่มบันทึกเรื่องราวนี้ออกมาเป็นหนังสือ "Red Sky in Mourning: A True Story of Love, Loss, and Survival at Sea" เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ไปจนถึงวันที่พวกเขาเอาชนะมฤตยูแห่งความตายกลางท้องทะเลมาได้อย่างละเอียดเพื่อยืนให้ทั้งโลกได้รู้ว่า ถ้าคุณเชื่อมั่นในคนรักและเชื่อมั่นในความรักที่มีให้กันมากพอ ต่อให้เป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกยักษ์ก็ไม่อาจทำลายความครั้งที่มีคุณให้แก่กันได้



       หลังจากหนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่าย มีผู้คนมากมายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความรักที่ยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ รวมถึง "แอรอน-จอร์แดน คานเดลล์" 2 ฝาแฝดนักเขียนบทเรื่อง "Adrift" ที่มาเจอหนังสือเล่มนี้ระหว่างหาข้อมูลเกี่ยวกับความรักกลางมหาสมุทร และทันทีว่าชีวิตของทามิและริชาร์ดคือสิ่งพวกเขาและคนทั้งโลกตามหา

จอร์แดนเคยให้สัมภาษณ์ถึงความตื่นเต้นขณะอ่านหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า "เราเจอเรื่องของทามี ตอนเขียนบทเรื่องการเอาตัวรอดจากทะเล เราค้นคว้าหนักมากก่อนเลือกเรื่องของเธอมาเป็นประเด็นหลัก เราอ่านมันทั้งคืน มันเป็นเรื่องที่ทรงพลัง อัดแน่นด้วยอารมณ์ เรารู้ว่าเรื่องจริงของเธอมันดีกว่าทุกเรื่องที่เราสามารถแต่งขึ้นมาได้ วันต่อมาเรารีบติดต่อทามีและมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเธอที่บ้าน ทามีเป็นหญิงแกร่งและเป็นนักเล่าเรื่องมากฝีมือ มันสำคัญสำหรับเราที่ต้องได้คำอนุญาตจากเธอ และข้อมูลเบื้องลึกที่จะทำให้เราได้ตีแผ่เรื่องราวนี้ออกมาสมจริงที่สุด"



"Adrift รักเธอฝ่าเฮอร์ริเคน" ให้คอหนังได้เตรียมตัวก่อนจะออกแล่นฝ่าเฮอร์ริเคนไปพร้อมกัน 26 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์