16 เรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับ "แจ๊คกี้ ชาน"
แจ๊คกี้ ชาน หรือ เฉินหลง ที่คนไทยเรียกติดปาก เรารู้จักเขาในฐานะ นักแสดง, ผู้กำกับ, ผู้เชี่ยวชาญกังฟูตัวจริงและเป็นความภาคภูมิใจในฐานะตัวแทนนักแสดงขาวเอเซียที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด ล่าสุดนิตยสาร Forbes เผยว่าแจ๊คกี้ ชาน เป็นนักแสดงชาวเอเซียที่ทำรายได้สูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา และน่าจะครองตำแหน่งไปอีกนาน เพราะมองอย่างไรก็ยังไม่เห็นว่าจะมีนักแสดงคนไหนขึ้นมาแทนตำแหน่งเขาได้แม้ในวัย 63 ปี แจ๊คกี้ก็ยังมีผลงานแสดงออกมาในอนาคตอีกหลายเรื่อง แม้กระทั่งในสัปดาห์นี้ในบ้านเราก็ยังมีผลงานของ
แจ๊คกี้ ชาน เข้าชนกันเองถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ The Foreigner ที่แจ๊คกี้ จะโชว์บทบาททางด้านดราม่าให้เราดูมากขึ้น และ "The LEGO Ninjago Movie"ที่แจ๊คกี้ พากย์เสียง อาจารย์วู ตัวเอกของเรื่อง แต่ก่อนที่จะไปชมผลงานของเขา เรามาทำความรู้จักแจ๊คกี้ ชาน ให้มากขึ้น กับเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังแปลกๆ ที่หลายเรื่องเชื่อว่าผู้อ่านยังไม่เคยรู้มาก่อนแน่นอน
1. ภาพลักษณ์ของแจ๊คกี้ ที่เรารู้จักคือดารานักบู๊เสี่ยงตาย เรารู้ว่าเขาร้องเพลงด้วย แต่เรื่องที่เราไม่เคยรู้คือว่าแจ๊คกี้ จริงจังกับการร้องเพลงถึงขั้นเข้าคลาสเรียนโอเปร่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ขนาดนั้นเลย ผลงานเพลงของแจ๊คกี้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ นะ เขามีอัลบั้มเพลงถึง 11 ชุด มีรวมฮิตออกมาอีก 9 ชุด ประเทศญี่ปุ่นเคยมอบรางวัล "ศิลปินนักร้องต่างชาติยอดเยี่ยม" ให้เขามาแล้ว ในด้านการร้องเพลง เขาได้รับเกียรติสูงสุดให้ร้องเพลงในพิธีปิด โอลิมปิคที่เซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2008
2. เขาเคยเล่นหนังโป๊ ในปี 1975 เรื่อง "All in the Family" เมื่อมีนักข่าวถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แจ๊คกี้ อธิบายว่า "ในช่วงนั้นเขายอมทำทุกอย่างแหละ เพื่อให้ได้มีกิน ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นะ คิดดูสิ มาร์ลอน แบรนโดก็ยังเคยเล่นเลย"
3. แจ๊คกี้ เข้าวงการด้วยการเป็นสตันท์แมนตัวประกอบ เขามีทีมสตันท์ชื่อ "Seven Little Fortunes" ที่รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ จากโรงเรียนการแสดง และได้ไปเป็นสตันท์ให้ในหนังบรู๊ซ ลี 2 เรื่องคือ Fists of Fury และ Enter the Dragon
4. แจ๊คกี้ ชาน เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน 1954 ในชื่อ ชาน กั่งเซิง หลังจากใช้ชีวิตด้วยการเล่นสตันท์ในบทสมทบอยู่นาน วิลลี่ ชาน ผู้อำนวยการสร้างก็สะดุดตาเขา และพยายามปั้นให้แจ๊คกี้ เป็นพระเอกคนใหม่ต่อจาก บรู๊ซ ลี ตั้งชื่อใหม่ให้เขาที่มีความหมายว่า "เกิดมาเป็นมังกร" (Become The Dragon) แจ๊คกี้ คิดได้ว่าไม่มีอะไรที่เขาจะไปเทียบบรู๊ซ ลี ได้เลย จึงขอเปลี่ยนเป็น "แจ๊คกี้ ชาน" ดีกว่า
5. หลังจากพยายามเดินตามทางของบรู๊ซ ลี เขาแสดงหนังแนวกังฟูซีเรียสจริงจังอยู่ 10 เรื่อง แต่แล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย แจ๊ค กี้ ก็เลยเปลี่ยนแนวมาเป็นกังฟูผสมตลกดู ออกมาเป็น "Snake in the Eagle's Shadow" หรือ "ไอ้หนุ่มพันมือ" ในปี 1978 เป็นหนังเรื่องแรกที่เขาควบคุมคิวบู๊เองทั้งหมด กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่นั้นแจ๊คกี้ ก็ยึดแนวกังฟูผสมตลกมาตลอด
6. ประสบการณ์เฉียดตาย เกิดจากอุบัติเหตุใน "Armour Of God" ใหญ่สั่งมาเกิด (1986) ระหว่างถ่ายทำในยูโกสลาเวีย แจ๊คกี้ กระโดดจากกำแพงไปเกาะต้นไม้ ซึ่งเป็นฉากง่ายๆ มากสำหรับแจ๊คกี้ เทียบไม่ได้เลยกับฉากสตันท์ที่เคยผ่านๆ มา แต่ผลคือเป็นอุบัติเหตุครั้งที่เจ็บหนักสุด เหตุเพราะกิ่งไม้ที่แจ๊คกี้ กระโดดไปเกาะหัก ตัวเขาร่วงลงพื้นล่าง ที่ซวยหนักคือหัวกระแทกเข้ากับก้อนหิน กระโหลกส่วนที่กระแทกแตก ชิ้นส่วนกระโหลกแทงเข้าไปที่สมอง เลือดไหลออกทางหู ทีมงานรีบส่งเขาไปโรงพยาบาลใกล้สุดอย่างเร่งด่วน การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี แต่จากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้แจ๊คกี้ มีรูถาวรบนกะโหลกที่อุดไว้ด้วยจุกพลาสติก
7. กินเน็สบุ๊คบันทึกไว้ว่า หนังที่มีจำนวนเทคในการถ่ายทำมากที่สุดคือ "Dragon Lord" เฉินหลงเจ้ามังกร (1982) ที่เขากำกับเอง และไม่ยอมปล่อยผ่านจนถึง 2,900 เทค
8. แจ๊คกี้ ชาน กลัวอะไร เป็นมนุษย์ที่ไม่น่าจะกลัวอะไรนะ เคยห้อยตัวบนตึกระฟ้ามาแล้ว โหนตัวบนที่สูงกลางอากาศนับร้อยฟุต ก็ผ่านมาแล้ว แต่สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือ "เข็ม" และ "การพูดต่อหน้าฝูงชน" แต่หลายครั้งเราก็เห็นแจ๊คกี้ พูดได้ดีนะ
9. ชีวิตเติบโตมาด้วยความยากลำบาก เฉิน จี้ผิง พ่อของเขาเป็นสายลับให้ทางการจีน วันหนึ่งพ่อของเขาก็จับ ลี่-ลี่ นักแสดงสาวในข้อหาขายฝิ่นได้ แต่ไปมาทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกัน แล้วก็พากันหนีออกจากจีนมาเผชิญชีวิตในฮ่องกง แล้ว 5 ปีต่อมาทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกัน ตั้งชื่อว่า "เพ่าเพ่า" แปลว่า "ลูกระเบิด" แต่ด้วยความยากลำบาก ครั้งหนึ่งทั้งคู่เกือบจะขายเพ่าเพ่าให้กับหมอชาวอังกฤษในราคาเพียง 26 เหรียญ หมอให้เงินมาเปล่า ๆ 26 เหรียญ แต่ปฏิเสธที่จะเอาตัวเพ่าเพ่าไป
10. จากประสบการณ์ที่เป็นสตันท์แมนมาในยุคแรกเข้าวงการ และประสบการณ์ทำงานกับสตันท์แมนมามากมาย แจ๊คกี้เข้าใจดีถึงความอันตรายสูงในอาชีพนี้ที่ต้องเสี่ยงตายเพื่อให้ได้ภาพที่สมจริงออกมาบนหนัง เพื่อให้ได้ผลงานที่ตัวเขาเองก็พึงพอใจและได้ทีมที่น่าไว้ใจ และเขาสามารถให้การรับรองดูแลได้อย่างดีที่สุด แจ๊คกี้จึงฟอร์มทีสตันท์แมนของตัวขึ้นมาในชื่อ "Sing Kar Pan"
11. เกือบจะกระทบกระทั่งกันจริง ๆ ในระหว่างถ่ายฉากต่อสู้ "Wheels on Meals" ขาตั้งสู้ (1984) แจ๊คกี้ ไม่ค่อยพอใจในการร่วมงานกับ เบนนี่ อคีเดซ แชมป์คิกบ๊อกซิ่ง เท่าใดนัก เพราะเบนนี่ ไม่ค่อยเชื่อแจ๊คกี้ แล้วก็ต่อยเขาเจ็บจริง ๆ หลายครั้งตลอดการถ่ายทำ สุดท้ายแจ๊คกี้ หัวร้อนแล้วท้าเบนนี่ต่อยกันจริง ๆ แต่พอนานเข้าทั้งคู่ต่างก็เย็นลง แต่ผลที่ได้คือฉากต่อสู้ที่กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงความยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในฉากต่อสู้ที่ดีที่สุดฉากหนึ่งในชีวิตการแสดงของแจ๊คกี้ และ "Wheels on Meals" ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 53 ของรายชื่อหนังแอ็คชั่นที่ดีที่สุดตลอดกาล เบนนี่ ยังได้ไปแสดงกับแจ๊คกี้ต่ออีกในเรื่อง "Dragons Forever" มังกรหนวดทอง (1988)
12. กินเน็สบุ๊คบันทึกชื่อ แจ๊คกี้ ชาน ไว้ถึง 2 สถิติ 1.นักแสดงทีเล่นฉากสตันท์เองมากทีสุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ 2.มนุษย์ผู้ที่ทำหน้าที่มากที่สุดในกองถ่ายในหนัง 1 เรื่อง "Zodiac" วิ่งปล้นฟัด (2012) แจ๊คกี้ ทำถึง 16 ตำแหน่ง เขาเป็นทั้ง ผู้กำกับ , เขียนบท , แสดงนำ , ผู้อำนวยการสร้างบริหาร , ผู้อำนวยการสร้าง , ผู้อำนวยการกองถ่าย , ผู้กำกับศิลป์ , ผู้กำกับภาพ , ผู้จัดการกองถ่าย , ผู้จัดหาอุปกรณ์ประกอบฉาก , ผู้ประสานงานสตันท์ , สตันท์แมน , หัวหน้าคนงาน , ผู้ร้องเพลงประกอบหนัง , ผู้ประพันธ์เพลง , ผู้จัดหาอาหารให้กองถ่าย
13. หยวน หยูจิน อาจารย์ที่สอนแจ๊คกี้ ในตอนเด็ก ๆ เผยว่าแจ๊คกี้ไม่ใช่นักเรียนที่ดีที่สุดของเขา ตรงกันข้ามกลับเป็นเด็กที่เกเรที่สุดด้วยซ้ำ เรื่องราวของแจ๊คกี้ ชาน และเพื่อนสนิท หงจินเป่า, หยวนเปียว ที่เติบโตมาด้วยกันและก่อตั้งทีมสตันท์ Seven Little Fortunes"ถูกนำมาเล่าในหนัง "Painted Faces" (1988)
14. เขาเคยถูกข่มขู่จากแก๊งอั้งยี่ เหตุเพราะเขาฉีกสัญญาแสดงในหนัง "Fearless Hyena Part II" ไอ้หมัดเล็บมังกร (1983) เหตุเพราะหนังห่วยมาก แล้วเขาไม่ต้องการแสดงต่อ และไม่ต้องการให้หนังออกฉาย แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ผู้กำกับถ่ายทำต่อโดยหานักแสดงมาแทนแจ๊คกี้ ชาน แต่หนังก็ยังมีชื่อเขาอยู่ในเครดิต และเหตุบาดหมางก็คลี่คลายในที่สุด
15. เขาพูดได้ถึง 7 ภาษา จีนกลาง , กวางตุ้ง , ญี่ปุ่น , อังกฤษ , เกาหลี , เยอรมัน ภาษาสุดท้ายนี่ ไทย ด้วยเหรอ แจ๊คกี้ ชาน เคยมาอยู่เยาวราชถึง 2 ปีตอนช่วง 9 ขวบ น่าจะพูดไทยได้บ้างนะตอนนั้น แต่ตอนนี้น่าจะลืมหมดแล้วล่ะ
16.หนังเรื่อง "Nosebleed" พลอตหนังเขียนโดยแจ๊คกี้ ชานเองน่าสนใจนะ แจ๊คกี้ ชาน รับบทเป็นพนักงานเช็ดกระจกบนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ แล้วไปได้ยินแผนการของผู้ก่อการร้ายจะระเบิดรูปปั้นเทพีเสรีภาพ หนังกำกับโดยเรนนี่ ฮาร์ลิน และมีชื่อสตีเวน สปิลเบิร์ก ในตำแหน่งอำนวยการสร้าง หนังอยู่ในขั้นตอนการสร้างตั้งแต่ปี 1999 แต่แล้วปี 2001 ก็เกิดเหตุการณ์ 9/11 ขึ้นมาพอดี ผลคือโปรเจ็กต์ถูกยกเลิกถาวร