เปรียบมวย เพียซ บรอสแนน vs แจ๊คกี้ ชาน วัดศักดิ์ศรี 2 รุ่นใหญ่
อยู่ในวงการกันมากว่า 30 ปี แล้วผู้ยิ่งใหญ่ 2 ซีกโลกก็ได้ฤกษ์มาเผชิญกันในหนังฟอร์มใหญ่ The Foreigner หนึ่งคือ เพียซ บรอสแนน อดีตเจมส์ บอนด์ ผ่านงานมาทุกแนวทั้งแอ็คชั่น คอมมีดี้ โรแมนติก ทั้งจอเล็กจอใหญ่ อีกหนึ่งคือ แจ๊คกี้ ชานผู้ยิ่งใหญ่จากฝั่งเอเซีย ที่พยายามเจาะตลาดฮอลลีวู้ดจนสำเร็จ มีแฟรนไชส์หนังของตัวเองหลายเรื่อง ความนิยมจากแฟนหนังก็ไม่เสื่อมคลายบวกกับเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะลามือจากวงการแสดง และด้วยวัยที่มากขึ้นก็เลือกจับแนวแอ็คชั่นที่เบาลงแต่เพิ่มมิติดราม่าให้ตัวเองมากขึ้น เป็นงานแสดงที่ถือว่าฉีกภาพลักษณ์บู๊บวกฮาจากที่เคยเห็นกันมา น่าสนับสนุนและน่าไปพิสูจน์ด้วยกันครับ The Foreigner กำหนดฉาย 28 กันยายน นี้
แต่ก่อนจะไปชม The Foreigner เรามาเปรียบมวยรุ่นใหญ่คู่นี้กัน มองจากภายนอก การจับสองคนนี้มาเจอกันถือว่าทัดเทียมทั้งศักดิ์ศรี ประสบการณ์และบารมีในวงการ แต่จากนี้เราลองมาเจาะลึกกันไปทีละข้อสิ ว่าเอาจริงแล้วเส้นทางการแสดงของทั้งคู่ ใครจะเหนือกว่ากัน
เริ่มที่ข้อมูลพื้นฐานของผู้ท้าชิง
วัยใกล้กันมากนะคู่นี้ แจ๊คกี้ อ่อนกว่าแค่ปีเดียว เพียซ นี่หุ่นนายแบบสะโอดสะองสูงถึง 188 ซม. ชีวิตของบรอสแนน นี่เผชิญวิบากกรรมมาเยอะมาก ไว้ขอเล่าในบทความหลังแล้วกัน เขาแต่งงานกับ แคสซานดร้า แฮร์ริส นางเอกชาวออสเตรเลียน ในปี 1980 แคสซานดร้า มีลูกติดจากสามีเก่า 2 คน แล้วมามีลูกกับเพียซอีกคนคือคริส ทั้ง 3 คน ใช้นามสกุลบรอสแนน อยู่กันได้แค่ 11 ปี แคสซานดร้าก็ตายด้วยมะเร็งรังไข่ เพียซ เลี้ยงลูกทั้ง 3 คนต่อไป ปี 2001 แต่งงานใหม่กับ คีลี เชย์ สมิธ นักข่าวชาวอเมริกัน , ปี 2013 ชาร์ชอต ลูกเลี้ยงคนโตของเพียซ ก็ตายด้วยโรคมะเร็งรังไข่เช่นเดียวกับแม่ของเธอ
ส่วนแจ๊คกี้ ชาน เคยคบหากับ อู๋ฉี่ลี มิสเอเซีย มีลูกสาวคือ เอ็ตต้า อู๋ ซึ่งแจ๊คกี้ ไม่ยอมรับว่าเป็นลูกของเขา และไม่บันทึกว่า อู๋ฉี่ลี เป็นภรรยาทางกฏหมาย เขาแต่งงานในปี 1982 กับ เฟิงเจียวหลิน ดาราสาวชาวไต้หวัน มีลูกชายด้วยกันคนเดียวคือ เจซี ชาน ที่แจ๊คกี้พยายามผลักดันให้เจริญรอยตามเขา แต่เจซี ก็ไม่ประสบความสำเร็จทั้งวงการแสดงและวงการเพลงเท่าที่ควร แล้วปี 2015 เจซี ก็ทำพ่อเสียชื่อเสียงอย่างมาก เขาถูกตำรวจจับข้อหามีกัญชาไว้เพื่อจำหน่ายและยอมรับว่าเสพติดต่อกันมาถึง 8 ปีแล้ว
ข้อแรก ศักดิ์ศรีของอาชีพนักแสดงมันต้องวัดกันที่รางวัลออสการ์เป็นหลัก
อยู่ในวงการแสดงกันมากว่า 30 ปีแล้วทั้งคู่ เรื่องได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี่นับไม่ถ้วนแน่นอน เพียงแต่ว่าทั้งคู่จะมาทางสายเอาใจตลาดเสียมากกว่าหนังประเภทขายการแสดง เลยไม่ได้ไปถึงเวทีสูงสุดอย่างออสการ์กัน เพียซ นี่ก็มีงานแสดงเข้าชิงรางวัลการแสดงอยู่เรื่อย ๆ นะ ได้รางวัลตามสถาบันย่อย ๆ มาสิบกวาตัวแล้ว หลัก ๆ ก็จะมาจากเรื่อง The Matador (2005) , Mamma Mia! (2008), The Ghost Writer (2010) ไปได้ไกลสุดก็คือเวทีลูกโลกทองคำ เข้าชิงในสาขาดารานำชายจากหนังตลกและหนังเพลง จาก The Matador ส่วนออสการ์นี่อย่าไปพูดถึงมันเลย
ส่วนแจ๊คกี้ ชาน นี่รางวัลเยอะมว้ากกกก กวาดมาแล้ว 38 ตัวจากหลายสถาบัน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นรางวัลทางแถบเอเซียแหละนะ แต่สุดท้ายคณะกรรมการออสการ์ก็ยังน่ารักนะ เห็นว่าด้วยประสบการณ์และวัยวุฒิที่อยู่ในวงการแสดงมานาน มีหนังฮอลลีวู้ดก็เป็นสิบเรื่องล่ะ ถึงไม่มีผลงานทางด้านการแสดงที่เข้าตา แต่ก็มอบออสการ์เกียรติยศในฐานะผู้สร้างผลงานน่าจดจำในวงการ เป็นพิธีที่ให้เกียรติตแจ๊คกี้อย่างมาก ทอม แฮงค์ ,มิเชล โหยว และ คริส ทัคเกอร์ มากล่าวสดุดี
ข้อแรกนี่ แจ๊คกี้ ชาน นำไปก่อนแล้วกัน 1 คะแนน
ข้อสอง จำนวนหนังที่ได้รับบทนำ
ข้อนี้เห็นทีเพียซ จะเอาชนะได้ยากนะ แม้อายุใกล้เคียงกัน แต่แจ๊คกี้ เข้าวงการก่อนนานมาก เพียซ เข้าวงการปี 1980 แต่แจ๊คกี้เข้าวงการตั้งแต่ 1962 เพียซ ไปแจ้งเกิดกับงานทีวี เล่นซีรีส์มาเยอะมาก แล้วมาโด่งดังจาก Remington Steele ปี 1982 ซีรีส์แนวแอ็คชั่นสายลับ ที่ส่งให้ผู้สร้างเห็นแววว่าเขาน่าจะเป็นเจมส์ บอนด์ ได้ ก็เลยทำให้เขาได้ไปเป็นเจมส์ บอนด์ ใน Golden Eye ปี 1995 พอพ้นจากยุคสมัยเจมส์ บอนด์ เพียซก็มีงานแสดงประปราย แต่ว่าหลายเรื่องเขาก็ไม่ได้รับบทนำนะ
ส่วนแจ๊คกี้ ชานนี่เข้าวงการมาในในฐานะสตันท์แมน มาได้รับบทนำใน "ไอ้หนุ่มพันมือ"ปี 1978 พอดังก็เป็นพระเอกหนังแนวกังฟูมาตลอด แล้วก็พยายามเข้าวงการฮอลลีวู้ดอยู่นาน พอเริ่มประสบความสำเร็จในฮอลลีวู้ดก็เลยมีงานหนังทั้งฝั่งฮ่องกง และ ฮอลลีวู้ดเลย พอยิ่งแก่ตัวงานแสดงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แค่ปีนี้ก็มีหนังฉายช่วงตรุษจีนไปแล้ว 2 เรื่อง The Foreigner กำลังจะเข้าฉายเป็นเรื่องที่ 3 ยังไม่หมดนะ ธันวาคม นี้มีหนังจีนฟอร์มใหญ่เข้าฉายอีกเรื่องด้วย
ข้อนี้ แจ๊คกี้ นำไปแล้วเป็น 2 คะแนน
ข้อสาม จำนวนหนังที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญ
เพียซมีหนังทำรายได้พ้นหลัก 100 ล้านเหรียญอยู่ 6 เรื่อง ที่ทำรายได้ถล่มทลายก็คือ Mrs.doubtfire (1993) กวาดเงินคนดูไป 219 ล้านเหรียญ เป็นหนังตลกที่ขายชื่อ โรบิน วิลเลียมส์ แต่เพียซ บรอสแนน พ่วงชื่อไปด้วยในฐานะดาราประกอบไม่มีภาพเพียซบนโปสเตอร์ด้วยซ้ำ เพราะนั่นเป็นยุคก่อนที่เขาจะได้เป็น เจมส์ บอนด์ ส่วน 4 ใน 6 เรื่องที่ทะลุ 100 ล้านเหรียญ ก็คือ เจมส์ บอนด์ 4 ตอนในยุคของเขา อีก 1 เรื่องก็คือ Mamma Mia! (2008) หนังเพลงคอมมีดี้ ก็ขายชื่อ เมอริล สตรีพ ในบทนำ
แจ๊คกี้ ชาน นี่ชนะเพียซ ไปได้ 1 เรื่อง เขามีหนังทำรายได้พ้นหลัก 100 ล้านเหรียญอยู่ 7 เรื่อง จะเรียกว่าภูมิใจได้ไหม เพราะว่า 3 ใน 7 เรื่องนั้นคือ Kungfu Panda ทั้ง 3 ภาค ที่แจ๊คกี้ ให้เสียงพากย์ลิง ตัวละครสมทบในแก๊งของโพ แพนด้าเจ้าแห่งกังฟู ส่วนอีก 3 เรื่องก็คือ Rush Hour ทั้ง 3 ภาค ที่เรียกว่าเป็นหนังที่ขายชื่อเขาจริง ๆ และ Karate Kid (2010) ก็เป็นอีกเรื่องที่แจ๊คกี้ ชานรับบทนำ
ข้อนี้แจ๊คกี้ ชาน นำไปอีกเป็น 3 คะแนนแล้วครับ
ข้อสี่ รายได้รวมจากหนังทุกเรื่อง
แจ๊คกี้ ชาน แพ้ไปนิดเดียวเองนะ ห่างกันแค่ 6 ล้าน ทั้งที่แจ๊คกี้มีหนังในเครดิตเยอะกว่ามาก ด้วยเหตุที่ว่าหนังส่วนใหญ่ของแจ๊คกี้ นั้นเป็นหนังฮ่องกงเสียมากกว่า แน่ละว่าหนังฮ่องกง ก็ทำรายได้หลักอยู่แต่ในฝั่งเอเซีย แล้วเป็นยุคที่ประเทศจีนยังไม่ได้ให้การสนับสนุนธุรกิจหนังเหมือนปัจจุบันนี้ ไม่งั้นตัวเลขรวมของแจ๊คกี้ พุ่งไปไกลกว่านี้อีกหลายเท่า ส่วนเพียซ ที่รายได้รวมพ้นหลักพันล้านได้ก็เพราะรายได้จากหนังเจมส์ บอนด์ ทั้ง 4 ภาคนั่นแหละ เพราะที่เหลือมากกว่าครึ่งล้วนทำรายได้จุ๋มจิ๋มไม่ถึง 50 ล้านเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุด เพียซ บรอสแนน ก็ได้คะแนนแรกแล้ว
ข้อห้า รายได้หนังเฉลี่ยต่อเรื่อง
ข้อนี้เฉลี่ยมาจากหนังที่ได้รับบทนำนะครับ แจ๊คกี้ ก็ทิ้งห่างเช่นกัน 57 ล้านต่อ 43 ล้าน เหตุเพราะว่าหนังของเพียซที่ทำรายได้หลักๆ ก็คือเจมส์ บอนด์ ทั้ง 4 ภาคเท่านั้น รองมาก็จะเป็น Dante Peak (1997) และ The Thomas Crown Affair (1999) ที่ยังคงทำรายได้สวยๆ หน่อย นอกเหนือจากนี้ก็ราว ๆ 20-30 ล้าน ก็เลยมาเป็นตัวหารดึงรายได้เฉลี่ยลงไปที่ 43 ล้านต่อเรื่อง
ส่วนของแจ๊คกี้ ชาน นั้นนอกเหนือจาก Rush Hour 3 ภาคที่ทำเงินในระดับ 100 ล้านเหรียญแล้ว แจ๊คกี้ ยังมี Shanghai Noon ,Shanghai Knights ที่เขาประกบกับโอเว็น วิลสัน และ The Tuxedo (2002) , Forbidden Kingdom (2008)ที่ประกบเจ็ท ลี ก็ทำรายได้พ้น 50 ล้านทั้งนั้น เลยทำให้ค่าเฉลี่ยต่อเรื่องอยู่ที่ 57 ล้านเหรียญ
แจ๊คกี้ ชาน นำไปอีกแล้วนะข้อนี้ ได้ไปอีก 1 คะแนน
ข้อหก วัดความฮอตในวงการ จำนวนหนังที่จะออกมาในอนาคต
ของเพียซ บรอสแนน ถ่ายทำเสร็จแล้วพร้อมฉายในปีนี้อีก 1 เรื่องนะ อยู่ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำอีก 2 เตรียมงานสร้างอีก 1 และที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ Mamma Mia! Here We Go Again หนังภาคต่อ ที่วางกำหนดไว้ว่าจะฉายปีหน้าและเพียซ ไม่ได้รับบทนำ
ส่วนแจ๊คกี้นี่ฮอตกว่ามาก มี Bleeding Steel หนังจีนฟอร์มใหญ่ที่จะฉายปลายปีนี้ และVIY2 หนังแฟนตาซีสัญชาติรัสเซีย ที่ภาคแรกโด่งดังมาก ภาค 2 นี่ร่วมทุนกับจีนและอเมริกา ฟอร์มใหญ่ขึ้นเพราะนอกจากแจ๊คกี้ ชานแล้วก็ยังมีอาร์โนลด์ ชวาร์เซนเนกเกอร์มาร่วมด้วย กำหนดฉายปีหน้านี้ อีก 4 เรื่องนั้นแจ๊คกี้ เซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่เปิดกล้อง เป็นหนังภาคต่อทั้งนั้น Shanghai Down , Rush Hour 4 ,The Karate Kid 2 แต่ละเรื่องนี้ทิ้งห่างภาคก่อนหน้าหลายปีเลยนะ แจ๊คกี้ ในว้ย 63 นี่ยังฮอตอยู่มาก
แจ๊คกี้ ทิ้งห่างไปอีก 1 คะแนนแล้วครับ
ข้อเจ็ด รายได้สะสม ทรัพย์สินรวม
ไม่ต้องแปลกใจนะ ที่ตัวเลขมันต่างกันขนาดนี้ เพราะแจ๊คกี้ ชาน นี้มีความเป็นนักธุรกิจสูงกว่ามาก เขามีบริษัทสร้างหนังของตัวเองชื่อ "Golden Way" และมีโมเดลลิ่งเอเยนซี่ "Jackie's Angels"อีกด้วย นิตยสารFoebes รายงานว่า ปีที่ผ่านมาแจ๊คกี้ ทำรายได้รวมอยู่ที่ 61 ล้านเหรียญ เป็นนักแสดงชาวเอเซียที่ทำรายได้สูงที่สุดในโลก รายได้ขนาดนี้แจ๊คกี้ ประกาศว่าหลังเขาตายจะยกครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินให้กับการกุศล ลูกเมียคงดีใจเนอะ ส่วนเพียซนี่อย่าเพิ่งไปพูดถึงเลยนะ เมื่อปี 2015 บ้านราคา 18 ล้านก็เพิ่งโดนไฟไหม้ไปอีก เราอย่าไปซ้ำเติมเค้าจะดีกว่า
ข้อสุดท้าย แจ๊คกี้ ชาน ก็ยังไม่แบ่งคะแนนกลับมาให้เพียซ บรอสแนนเลย
สรุปว่า แจ๊คกี้ ชาน ชนะเพียซ บรอสแนน แบบทิ้งห่าง 6 ต่อ 1 แม้จะอายุใกล้เคียงกัน แต่ว่าชื่อแจ๊คกี้ ชาน ยังขายดีกว่าและขายได้ทั้งฮอลลีวู้ดและเอเซีย ค่าเหนื่อยก็ย่อมมากว่าอดีตเจมส์ บอนด์คนนี้