เธอเป็นนักแสดงชาวอเมริกันที่มีหน้าตาสวยเซ็กซี่อันเป็นเอกลักษณ์ และโด่งดังจากการเล่นซีรียส์เช่น The Playboy Club แต่คนทั่วไปรู้จักเธอในฐานะแฟนเก่าของ Johnny Depp ที่เป็นข่าวดังเมื่อปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามเธอเองถือได้ว่าเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่มีฝีมืออยู่พอตัว เมื่อเข้าวงการใหม่ ๆ เธอได้รับรางวัล Young Hollywood Award ที่มอบให้กับนักแสดงวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จ และปีนี้เธอกลับมาอีกครั้งในบท Mera คู่ใจของ Aquaman ในหนังรวม Superhero เรื่องล่าสุดของ DC อย่าง Justice League เมื่อ Superman เสียชีวิต โลกอยู่ในความสิ้นหวัง ทำให้ Batman และ Wonder Woman ต้องร่วมมือกันในการออกตามหาบรรดา Metahuman ผู้มีพลังพิเศษ อย่าง The Flash, Aquaman, Cyborg เพื่อรวมพลังกันปกป้องโลกนี้จากการรุกรานของสิ่งมีชีวิตนอกโลก มาพิสูจน์ว่าพวกเขาจะปกป้องโลกได้หรือไม้ วันนี้ ในโรงภาพยนตร์

และบทความนี้จะมาขอนำเสนอ หนัง 5 เรื่อง 5 บทบาทของ Amber Heard ที่แสดงได้อย่างทรงเสน่ห์ ที่อาจทำให้หลายคนใจละลายกันเลยทีเดียว

 

1. 3 Days to Kill (2014)

         3 Days to kill  ภาพยนตร์แอคชั่นสุดมันส์ เรื่องราวของ อีธาน รันเนอร์ (เควิน คอสเนอร์) อดีตสายลับที่ต้องการจะเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกสาวสุดรักของเขาและเขากำลังจะจากไปในไม่ช้า แต่แล้วเขาได้รับภารกิจสุดเสี่ยงในการตามล่าผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลต้องการตัวมากที่สุด ซึ่งมาพร้อมกับข้อตกลงที่ว่าถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะได้รับยาพิเศษที่จะให้เขามีชีวิตต่อไปได้

 ภาพยนตร์แอคชั่นเต็มตัวผลงานล่าสุดของผู้กำกับ แม็คจี ที่เคยมีผลงานอย่าง Charlie's Angels และ Terminator Salvation และยังได้นักแสดงยอดฝีมือ เควินคอสเนอร์ มารับบทเป็นสายลับสุดแกร่ง  อีธาน รันเนอร์ รวมทั้งยังได้นักแสดงสาวสุดเซกซี่ แอมเบอร์ เฮิร์ด มาเป็นเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่กุมยาพิเศษที่จะรักษาชีวิตของรันเนอร์ไว้ได้ และยังได้ไฮเล่ย์ สเตนฟีดด์ ที่โด่งดังจาก True Grit มารับบทเป็นลูกสาวของเขา

 

2. Drive Angry (2011)

      มิลตันได้ความช่วยเหลือจาก ไปเปอร์ (แอมเบอร์  เฮิร์ด) สาวเสิร์ฟสวยเซ็กซี่ ที่มาพร้อมกับรถแต่งซิ่งแรง เพื่อไล่ล่าเจ้าฆาตกรโฉด โจนาห์  คิง (บิลลี่ บรูค) ยังไม่นับว่า มีอีก1 ปีศาจที่เฝ้าติดตามไล่ล่า มิลตันอยู่

ทุกขณะที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนไป มิลตัน และไปเปอร์ แกะรอย โจนาห์ คิง จาก โคโรราโด ไป หลุยเซียน่า ระหว่างเส้นตามล่าฆาตกรคนร้ายสุดโหด ยังมี ชายลึกลับ ที่รูปลักษณ์สัณฐาน ดูเป็น สมุหบัญชี (วิลเลี่ยม ฟิชเนอร์) ผู้ซึ่งมาพร้อมกับ พลังเหนือมนุษย์ คอยติดตามพวกเขามาอีก

ไม่ว่าอย่างไร มิลตัน ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอ คิง และ กองทัพสมุนโคโยตี้ ของเหล่าร้าย เพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะไถ่ถอนทุกอย่างที่ค้างคา

 

3. The Ward (2010)

        The Ward คือการหวนคืนสู่การกำกับหนังครั้งแรกในรอบ 10 ปีของ จอห์น คาเพนเตอร์ เจ้าตำรับหนังสยองขวัญ ที่ให้กำเนิดภาพยนตร์สุดคลาสสิกอย่าง Halloween, They Live และ The Thing

คริสเท็น (Amber Heard) วัยรุ่นสาวเจ้าปัญหาพบว่าตัวเองฟื้นขึ้นมาพร้อมกับรอยฟกช้ำ และบาดแผลจากการถูกลาก เธอถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวในวอร์ดผู้ป่วย ณ โรงพยาบาลจิตเวช คริสเท็น สับสนว่าทำไมถึงถูกพามายังสถานที่แห่งนี้ และก็เธอไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับชีวิตก่อนหน้านี้ของตัวเองเลย แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้ตอนนี้ก็คือ...... ที่นี่ไม่ปลอดภัย หญิงสาวอีก 4 คนในวอร์ดมีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเธอมีเหมือนกันก็คือการไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คริสเท็น พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เห็น บรรยากาศหนักอึ้งไปด้วยความลับ โดยเฉพาะตอนกลางคืนเมื่อความมืดเข้าปกคลุมโรงพยาบาล พวกเธอจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่ชวนให้รู้สึกขนลุก... ดูเหมือนพวกเธอทั้งห้าจะไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ในไม่ช้าเพื่อนร่วมวอร์ดของ คริสเท็น ก็หายตัวไปทีละคนสองคน เธอตัดสินใจว่าจะต้องหาทางออกขุมนรกนี้ให้ได้ ก่อนที่ตัวเองจะเป็นเหยื่อรายต่อไป แต่เมื่อเธอพยายามหนี คริสเท็น ก็ยิ่งพบกับเหตุการณ์สุดอันตราย และความจริงอันน่าสยดสยองเกินกว่ามนุษย์คนใดคาดคิด

 

4. The Joneses (2009)

         The Joneses เป็นเรื่องราวของครอบครัวโจนส์ อันประกอบไปด้วย สตีฟ และ เคท ผู้เป็นพ่อแม่ มีลูกชายหญิงวัยรุ่น 2 คน คือ มิค กับ เจนน์ พวกเขาอยู่ในบ้านหลังโต มีไลฟ์สไตล์ที่โก้เก๋ ชีวิตเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก ชีวิตของครอบครัวโจนส์ใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบ ราวกับหลุดออกมาจากแคตาล็อคสินค้าสำหรับครอบครัวชนชั้นกลาง ซึ่งเรื่องของเรื่องก็คือ…พวกเขาเป็นแคตาล็อคสินค้าที่มีชีวิต!

สมาชิกทั้ง 4 คนในครอบครัวโจนส์ ไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกัน พวกเขาเป็นเพียงพนักงานขายของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ปลอมตัวมาอยู่ในย่านชนชั้นกลาง มาอวดรูปแบบการใช้ชีวิตให้เพื่อนบ้านอิจฉา และโน้มน้าวใจทางอ้อมให้บรรดาเพื่อนบ้านผู้มีอันจะกิน ซื้อสินค้าหรือบริการทางอ้อม!

The Joneses เป็นผลงานการกำกับของคนทำหนังหน้าใหม่ เดอร์ริค บอร์ต ที่จิกกัดความเป็นบริโภคนิยมของคนอเมริกันได้อย่างสุดติ่ง จนคนดูจะต้องขำจนท้องแข็ง แน่นอน นอกเหนือจากฝีมือการแสดงของดารานำ บทภาพยนตร์ยังเสียดสี ล้อเลียน ?กลยุทธ์การขาย? แบบต่างๆ จนนักการตลาดอาจต้องอายม้วน

 

5. Never Back Down (2008)

        Never Back Down เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มจิตใจดีคนหนึ่งชื่อ เจค ไทเลอร์ (ฌอน ฟาริส) ที่ผ่านชีวิตทรหดมามาก และได้เรียนรู้ว่าในชีวิตของทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ด้วยกันทั้งสิ้น หนุ่มเจค เกิดและโตในไอโอว่า เมื่อย้ายมาอยู่ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ที่มีตึกหรูตั้งเรียงรายเต็มไปหมด เขาจึงรู้สึกแปลกที่ กิจกรรมประจำวันของเด็กวัยรุ่นบ้านรวยแถวนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากซิ่งรถหรูไปมา, ใส่บิกินี่ลากแตะเดินเฉิดฉาย ก่อความรำคาญใจไปวันๆ สำหรับพวกเขา ชีวิตคือปาร์ตี้สุดเหวี่ยง

เจคเคยเป็นนักกีฬาฟุตบอลดาวรุ่งตอนอยู่บ้านเก่า แต่ที่นี่เขาเป็นแค่คนนอก ด้วยความที่เป็น "เด็กใหม่" นิสัยไม่ชอบสุงสิงกับใคร แถมยังแต่งตัวบ้านนอกไม่ไฮโซเหมือนคนอื่น เจคจึงไม่ค่อยมีเพื่อน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก บุคลิกเงียบขรึมและแปลกแยกของเขามาจากการสูญเสียพ่อ และไม่นาน ปัญหาในอดีตก็กลับมากวนใจเขาอีกครั้ง เมื่อคลิปวิดีโอที่เขามีเรื่องชกต่อยตอนแข่งฟุตบอลสมัยอยู่ไอโอว่าถูกส่งต่อไปทั่วโรงเรียน

ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ บาจา (แอมเบอร์ เฮิร์ด) ในชั้นเรียน เธอสวย และฉลาดกว่าที่ใครคิด บาจาชวนเจคไปงานปาร์ตี้ แต่เจคกลับถูกตัวร้ายประจำโรงเรียนอย่าง ไรอัน แม็คคาร์ทนี่ย์ (แคม จิแกนเด็ท) ท้าสู้โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ผลคือเจคแพ้ไม่เป็นท่าและรู้สึกอับอาย หลังจากนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจใครอีก โดยเฉพาะบาจา ที่อาจเป็นตัวการหลอกให้เขาไปปาร์ตี้ แต่เพื่อนร่วมชั้นนิสัยดีชื่อ แม็กซ์ (อีวาน ปีเตอร์) มองเห็นความเป็นแชมป์ในตัวเจค จึงแนะนำให้เขารู้จักกีฬาประเภทหนึ่งที่รู้จักกันในนาม "ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน" และชวนเขาไปพบครูฝึกชื่อ ฌอน โรควา (ดไจมอน ฮานซู)

ไม่นานเจคก็ได้รู้ว่า การต่อสู้แบบผสมผสานไม่ใช่แค่การชกต่อยกันข้างถนน แต่เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่เขาต้องการเป็นหนึ่ง โรควาพร้อมจะฝึกเจค แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจคเองว่าจะมีความอดทน, มีวินัย และมีแรงผลักดันพอหรือเปล่า สำหรับเจค มีหลายอย่างที่สำคัญกว่าชัยชนะ เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ทำคะแนน แต่คือการค้นพบตัวตนผ่านการต่อสู้ชนิดนี้ด้วย